เมื่อเวลา 21.10 น. ( 28 ก.พ.67 ) พ.ต.ท.ญัตติพงษ์ เจียมพวก สว.สอบสวน สภ.หนองปรือ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันภายในบ้านหลังหนึ่ง ซอยมาบยายเล 24 หมู่ 6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งชื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยา รีบรุดไปทำการตรวจสอบ

 

ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ตั้งอยู่ติดริมถนน ภายในบ้านพบร่องรอยการต่อสู้และมีคราบเลือดไหลหยดเป็นทาง บริเวณประตูหน้าบ้าน พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 ปลอก ภายในบ้าน พบหัวกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่ 1 หัว นอกจากนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย โดยรายแรก วิ่งหนีตายไปนอนหมดสติอยู่หลังบ้าน ของบ้านข้างๆ หลังถัดไป ทราบชื่อว่า นาย ฉัตรชัย อายุ 31 ปี อาชีพ ขี่รถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น โดยพบบาดแผลถูกยิงเข้าที่บริเวณ โคนขาหนีบข้างขวา กระสุนฝั่งใน นอนหมดสติไม่มีชีพจร จมกลางเลือด อาการสาหัส ทีมกู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิต ก่อนจะรีบนำตัวส่ง รพ.กรุงเทพ-พัทยา ต่อมานายฉัตรชัย ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากกระสุนเข้าไปถูกเส้นเลือดใหญ่ จนทำให้เสียเลือดมากและเสียชีวิตดังกล่าว

 

ส่วนคนเจ็บรายที่ 2 ทราบชื่อว่านาย กฤษณะ อายุ 39 ปี อาชีพเทรนเนอร์ครูมวยไทย ถูกด้ามอาวุธปืน ตบเข้าที่บริเวณศีรษะเป็นแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ พร้อมกับเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกับเพื่อน นอนอยู่ภายในบ้าน จากนั้นก็ถูกกลุ่มคู่อริ ซึ่งเคยเป็นเพื่อนและอยู่กลุ่มเดียวกัน ตามมาเอาเรื่องถึงในบ้าน โดย นาย ฉัตรชัย พยายามวิ่งหนีออกไปทางด้านหลังบ้าน แต่ก็ถูก 1 ในผู้ก่อเหตุ ชักอาวุธปืนจ่อยิงใส่ 2 นัด จากนั้นผู้ตาย ได้วิ่งหนีไปหลบซ่อนตัวบริเวณหลังบ้านของชาวบ้าน หลังข้างๆ ส่วนตนเองหนีไม่รอด ถูกรุมชกต่อย แล้วใช้ด้ามปืน ตบเข้าที่กลางศีรษะ และยังถูกไม้หน้าสามฟาดไม่ยั้ง จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

 

ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้กับบ้านจุดเกิดเหตุ พบว่าช่วงเวลา 20.52 น. อนุสิทธ์ เพื่อนของผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บ สวมใส่เสื้อสีน้ำเงิน เดินออกมาจากบ้านหลังที่เกิดเหตุ มาทางด้านขวามือซึ่งเป็นร้านค้าเจ้าของห้องเช่าจุดที่เกิดเหตุ

 

หลังจากนั้นนายอนุสิทธ์ มายืนอยู่หน้าบ้านติดเต็มถนนก็พบกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์กันมา ประมาณ 5 คัน รวม 9 คน ขับวนไปมา

 

หลังจากนั้นในช่วงเวลาประมาณ 21:03 น. กลุ่มวัยรุ่นคันดังกล่าวขับรถวนมาอีกครั้งหนึ่งแล้วไปจอดที่บริเวณด้านหน้าบ้านที่เกิดเหตุหลังจากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด หลังจากนั้นก็มีกลุ่มชาวบ้านมุงเข้าไปดู บริเวณบ้านที่เกิดเหตุ

 

นายอนุสิทธิ์ อายุ 33 ปี ( เสื้อสีน้ำเงินที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ) ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังยืนอยู่บริเวณหน้าร้านขายของชำ ติดกับบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายประมาณ 7-8 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 4 คัน ขี่เข้าจอดรถบริเวณหน้าบ้าน แล้วบุกเข้าไปทำร้ายคนเจ็บกับคนตาย ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด จากนั้นกลุ่มคนร้ายก็แยกย้ายกันหลบหนีไป โดยก่อนหน้านี้คนเจ็บทั้ง 2 คน เคยมาเล่าให้ตนฟังว่าไปมีเรื่องกับกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อน และก็ถูกขู่ว่าจะตามมาเอาเรื่องจนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว

 

ในส่วนด้านคดี พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 เผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานได้ส่วนหนึ่ง พบว่า ผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 9 คน

 

ซึ่งตอนนี้ได้ออกหมายจับผู้ก่อเหตุ 2 คน คือนาย ศิริชัย หรือนาย หรือไบรอั้น อายุ 30 ปี กับนาย พิริยะพงศ์ หรือนายอู๋ อายุ 30 ปี ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ,ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

ส่วนผู้ก่อเหตุที่เหลือนั้น อยู่ในระหว่างการ สืบสวนพิสูจน์ทราบ เพื่อยืนยันพยานหลักฐานในการออกหมายจับเพิ่มเติม

 

ในส่วนปมประเด็นขัดแย้งนั้น คาดว่า เกิดจากสาเหตุก่อนหน้านี้ที่ผู้ตาย และผู้บาดเจ็บอยู่ในแก๊ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีประเด็นบางอย่างขัดแย้งกัน จนทำให้ผู้ตาย และผู้บาดเจ็บ ตัดสินใจออกจากแก๊งดังกล่าวได้ประมาณ 2 ปี แล้ว จากนั้นก็มีการท้าทายกันผ่าน Facebook จนเกิดเหตุการณ์ยิงกันเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ในส่วนประเด็นสาเหตุที่ทั้งคู่ออกจากแก๊งดังกล่าวนั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวน

 

ในส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่าแก๊งดังกล่าวเป็นแก๊งใหญ่ในพื้นที่นั้น ตนยืนยันว่า แก๊งยังไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่ยอมรับว่า มีประวัติเกี่ยวกับพยามฆ่า และเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในส่วนพฤติกรรมในการก่อเหตุของคนร้ายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมองว่า พฤติกรรมดังกล่าวน่าจะหวังมุ่งเอาชีวิตคนใดคนหนึ่งที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ

  

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุที่มีการออกหมายจับนั้น เบื้องต้น ทางเจ้าที่ตำรวจได้มีการแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ ข้อหาทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บ

 

นอกจากนั้นทีมข่าวจะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ นางอาภาพร อายุ 53 ปี บ้านที่อยู่ติดกับบ้านเช่าที่เกิดเหตุฝั่งทางด้านซ้าย

 

ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าช่วงที่เกิดเหตุนั้นตัวเองนั่งอยู่ในบ้านแล้วเห็นว่ามีกลุ่มวัยรุ่นขับรถมาจอดบริเวณด้านหน้าบ้านตัวเอง ซึ่งอยู่ติดกับบ้านที่เกิดเหตุเลย

ทั้งหมดสองคันคันแรกมีคนนั่งมาสองคนส่วนอีกหนึ่งคันก็นั่งมาอีกสองคน นอกจากนั้นตัวเองยังเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์คันอื่น ขับมาจอดห่างห่างจากบ้านที่เกิดเหตุไปอีกหลายคันแต่จำจำนวนคันไม่ได้เพราะอยู่ค่อนข้างไกล

 

ซึ่งตอนนั้นตัวเองมองออกมาจากภายในบ้านก็เห็นชัดว่าคนที่นั่งอยู่รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันที่จอดอยู่หน้าบ้านตัวเองนั้นเดินลงจากรถแล้วมุ่งหน้าตรงเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุทันที หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสองนัด จึงวิ่งออกมาดูนึกว่ากลุ่มวัยรุ่นจะมายิงหมาตัวเองเพราะหมาตัวเองค่อนข้างดุและชอบไล่กัดคน แต่ปรากฏว่าก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ขับรถหนีไปแล้ว

 

ส่วนลูกชายตัวเองนั้นนั่งอยู่หน้าบ้านก็เห็นเหตุการณ์ในขณะที่กลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปภายในบ้านของผู้ตายได้ยินเสียงดังพูดขึ้นมาว่าให้เปิดประตูให้เปิดประตูแล้วโต้เถียงทะเลาะกันแบบจับใจความไม่ได้

 

ส่วนคนตายนั้นตัวเองก็คุ้นหน้าอยู่เนื่องจากว่าเป็นคนที่มาเช่าอาศัยอยู่ที่นี่นานแล้วล่าสุดไม่นานก่อนเกิดเหตุได้ประมาณไม่ถึงหนึ่งเดือนคนตายมาขอให้ช่วยถ่ายรูปบัตรประชาชนให้เพื่อเตรียมนำไปสมัครงานเนื่องจากว่าเดิมทีเป็นคนขายปลาทูแต่เนื่องจากว่าทำแล้วขาดทุนไม่ได้กำไรและต้องใช้ต้นทุนสูงจึงมาบอกกับนางอาภาพรว่าเดี๋ยวจะเปลี่ยนอาชีพไปขับรถเก็บเงินกู้ แต่ระหว่างนี้ก็จะขับเป็นไรเดอร์ของแอพพลิเคชั่นโบลท์ไปก่อน จึงไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะเกี่ยวข้องกับที่ผู้ตายเคยมาบอกกับตัวเองว่าจะไปทำอาชีพขับรถเก็บเงินเงินกู้ด้วยหรือไม่

 

นางเย็น แม่ของนายฉัตรชัย ผู้ตายได้เดินทางมาที่ โรงพักหนองปรือเพื่อติดต่อทำเอกสารการตายของนายฉัตรชัย พร้อมกับเปิดเผยกับทีมข่าวว่า ส่วนตัวพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และลูกชายอยู่ที่พัทยา ชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกชายเคยรับปลาทูมาขาย แต่ด้วยต้นทุนสูง ไม่ได้กำไรจึงเลิกขายปลาทูและหางานใหม่ระหว่างนั้น ก็มาขับโบลท์หารายได้ จนกระทั่งได้งานใหม่แล้วแต่ยังไม่ทันไปทำก็มาเกิดเรื่องก่อน

 

ส่วนตัวเมื่อ 2-3 วันก่อน ได้มาที่พัทยา เพื่อมาหาลูกชาย และก่อนกลับลูกชายได้ขอร้องให้ตนเองอยู่ด้วยกันก่อน แต่ตนเองก็บอกว่า อยู่ด้วยไม่ได้เพราะไม่มีเงิน

 

หลังจากนั้นก็กลับกรุงเทพไปขายของและก็มารู่ข่าวอีกทีลูกชายก็ถูกยิงแล้ว และไม่ทันได้ดูใจลูกชายเลย

 

ส่วนปมเหตุ ตนเองไม่เคยทราบเรื่องราวเลย เพราะลูกชายไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับเพื่อนลูกชายที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น และที่มีกระแสข่าวกลุ่มผู้ก่อเหตุ เป็นคนรู้จักกับกลุ่มลูกชายเคยไปมาหาสู่กันมาก่อน ตนเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย ต้องให้ตำรวจสืบสวนเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวก็อยากถามกลุ่มผู้ก่อเหตุว่า ทำแบบนี้กับลูกชายตนเองทำไม ทำไปเพราะเรื่องอะไร และควรรีบมามอบตัวสารภาพกับตำรวจ รับผิดกับสิ่งที่ทำกับลูกชาย

 

ซึ่งนางเย็นแม่ผู้ตายให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไปพร้อมกับเสียงสะอื้น และมีบางช่วงบางตอนก็คล้ายจะเป็นลมเพราะยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ทีมข่าวได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กผู้ตาย เมื่อวานนี้พึ่งโพสรูป พร้อมข้อความว่า "อีกไม่กี่วันก็จะแก่ขึ้นอีกปีแล้วสินะปีนี้ผมไม่ขอไรมากหรอกครับ (ขอให้โลกทั้งใบใจดีกับพ่อแม่ผมและน้องสาวผม

เพราะนั้นคือโลกทั้งใบของผมจริงๆ

คิดถึงและห่วงพ่อนะครับ)"

 

ก่อนหน้านั้นนายฉัตรชัย ได้โพสรูปภาพว่า "คุณคงคิดว่าคุณเป็นเทวดา ที่ฆ่าไม่ตายสินะ"

แค้นถอนตัวจากแก๊ง! 9 ทมิฬบุกยิงอวัยวะเพศหนุ่มขับโบลท์ดับสยอง