จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความว่า ฝากช่วยแชร์ ตามหาคนหายคือ ภรรยาและลูกสาวัย 5 ขวบ หายไปนานกว่า 12 วัน ไร้ร่องรอย ไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวไป มีเงินติดตัวเพียงเล็กน้อย หากใครพบเบาะแสจนพาไปเจอตัว พามาส่งได้ถึงบ้าน มีรางวัลให้ 30,000 บาท ฝากช่วยแชร์และตามให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ จะเก็บข้อมูลผู้แจ้งเป็นความลับ นั้น


ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปพบกับ นายปิ๊ค สามีซึ่งเป็นนักธุรกิจดังในเมืองโคราช นำเอกสารใบแจ้งความ ใบทะเบียนสมรส ภาพถ่าย ให้ทางทีมข่าวดู ซึ่งสีหน้ามีอาการเสียใจอยู่ตลอดเวลา และบ่นอยากเจอหน้าลูกเมีย 


นายปิ๊ค เล่าว่า ลูกสาวกับภรรยาของตนเองได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2567 ช่วงเช้าที่โรงเรียน ก่อนหายตัวไปภรรยาได้เดินทางพาลูกสาวออกจากบ้าน โดยมีน้องสาวของตนเองเป็นคนขับรถไปส่ง ซึ่งก่อนจะออกจากบ้านตนเองได้บอกกับภรรยาแล้วว่าจะนั่งรถไปส่งลูกด้วยให้รอก่อน ตนเองขออาบน้ำแปปนึงก่อน แต่ขณะนั้นภรรยาได้บอกให้น้องสาวให้ขับรถออกจากบ้านไปเลย โดยไม่รอตนเอง




จากนั้นตนเองได้ขับรถตามไปภายหลัง โดยได้โทรศัพท์หาภรรยาแต่พบว่า ภรรยาไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย จึงได้ขับรถตามไปภายหลัง และโทรศัพท์หาน้องสาวระหว่างทางซึ่งอยู่กับภรรยา โดยภรรยารับสายและอ้างว่า เดี๋ยวส่งลูกแล้วจะกลับมา บอกว่า ขอไปส่งลูกสาวก่อน แต่หลังจากนั้นก็ไม่พบตัวภรรยาและลูกสาวอีกเลย ซึ่งก็ตนเองพยายามติดต่อกับครอบครัวฝ่ายหญิงและเพื่อนร่วมงานของภรรยาแล้ว ก็อ้างว่าไม่พบเหมือนกัน


ส่วนน้องสาวที่เป็นคนขับรถไปส่ง ก็บอกว่า ตอนที่ขับรถไปส่ง ระหว่างทางภรรยาของตนเองได้ขอลงจากรถเพื่อเดินไปส่งลูกสาวเอง โดยบอกน้องสาวว่า ให้จอดรถรอแถว ๆ นี้ก่อน แต่สุดท้ายภรรยาก็ไม่เดินกลับมาขึ้นรถและหายไปทันที

ล่าสุดทีมข่าว 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ทั้ง 3 มุมช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หรือ 1 วัน ก่อนที่สองแม่ลูกจะหายตัวปริศนา ภาพจากกล้องวงจรปิดช่วง 16.26 น. บริเวณทางเข้าออกด้านในประตูของโรงเรียนจะเห็นฝ่ายภรรยาได้เดินทางมารับลูกสาวภายในโรงเรียนตามปกติ


ซึ่งภาพอีกมุมด้านในของโรงเรียน จะเห็นลูกสาวได้นั่งพิงลังกล่องนมเพื่อรอแม่มารับ จากนั้นเมื่อภรรยามาถึง ครูได้บอกลูกสาวพร้อมกับมอบลังนมให้ภรรยา และเดินจูงลูกสาวออกจากโรงเรียนไป ส่วนรถที่ภรรยาขับไปรับลูกสาวในวันนั้นเป็นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว โดยภาพกล้องอีกมุม จะเห็นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของภรรยาขับออกจากโรงเรียนไป


นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ภาพวงจรปิดคลิป 4 ช่วงเช้าของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เวลา 07.49 น. พบว่า ฝ่ายภรรยาได้สวมเสื้อสีแดง กางเกงขาสั้น ถือกระเป๋านักเรียนได้อุ้มลูกสาวแล้วเดินไปขึ้นรถยนต์สีดำ เพื่อไปส่งลูกสาวที่โรงเรียน โดยมีน้องสาวของสามีชื่อ จิ๊บ (นามสมมติ) เป็นคนขับรถให้จากนั้นทั้ง 3 คนจึงรถและขับรถออกไป




หลังจากนั้นเวลา 07.51 น. คลิป 5 กล้องวงจรปิดที่หน้าบ้านจะสามารถจับภาพสามีของผู้สูญหาย สวมเสื้อสีแดงกางเกงขาสั้น เดินถือโทรศัพท์ออกมา จากนั้นได้ขับรถเบนซ์ สีขาวเพื่อตามภรรยาและลูกไปที่โรงเรียน

ทั้งนี้ นายปิ๊ค บอกอีกว่า หลังจากภรรยาออกไปส่งลูกสาวโดยไม่รอตนนั้น ต่อมาตนได้เดินทางติดต่อไปที่โรงเรียน ก็พบว่าภรรยาไม่ได้พาลูกสาวส่งเข้าเรียน ซึ่งในวันนั้นเป็นวันสอบของลูกสาวด้วย จนกระทั่งหายตัวไปนานกว่า 13 วันแล้ว ไม่มีใครพบเห็นและขาดการติดต่อนานกว่าปกติ กลัวจะได้รับอันตราย จึงฝากพลังโซเชียลและสื่อช่วยตามหาอีกแรง


ส่วนสาเหตุที่ภรรยาและลูกสาวหายตัวปริศนา ก่อนหน้านี้เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ ตนเองและภรรยาได้มีปัญหากับตลาดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เมืองโคราช เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเองและภรรยาได้เปิดร้านเหล้าและเช่าที่ของตลาดเพื่อทำธุรกิจ ลงทุนไปเกือบ 10 ล้าน แต่ช่วงหลังตลาดได้สร้างตลาดอีกแห่งบังหน้าร้านของตนเอง ทำให้ตนเองเกิดความไม่พอใจ และขอยกเลิกสัญญาเช่า


แต่ตลาดได้บอกตนเองว่า ถ้ายกเลิกสัญญา จะขอเซ้งธุรกิจร้านเหล้าต่อ ตนเองจึงยอมขายขาดทุนไป 3 ล้านบาท มีการทำสัญญากัน แต่สรุปตลาดได้จ่ายให้ตนเองเพียง 1.2 ล้าน และไม่จ่ายต่อ ตนเองจึงไม่พอใจและสั่งให้ภรรยาและลูกน้องไปขนเครื่องเสียง โครงเหล็ก ข้าวของทั้งหมดในร้านออกจากตลาด โดยเริ่มขนของตั้งแต่ 11-16 กุมภาพันธ์ แต่ยังขนไม่หมด ตนเองจึงได้บ่นภรรยาว่า ทำไมขนของช้า และตลาดไม่ยอมให้ขนของกลับ ซึ่งตนเองได้ต่อว่าภรรยาไป ช่วงค่ำวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ช่วงเช้า ก็ยังมีปากเสียงกันไม่จบ กระทั่งภรรยาตนเองได้หายตัวไปพร้อมลูกสาวในช่วงเช้า ตอนแรกตนเองก็ไม่คิดว่าภรรยาจะหายไปนาน หรืออาจจะแค่น้อยใจ


แต่หลังจากภรรยาและลูกสาวหายตัวไปช่วงเช้า 16 กุมภาพันธ์ ช่วงบ่าย ตนเองทราบว่า ได้มีชายฉกรรจ์คนของตลาดกว่า 10 คน เดินทางไปที่ร้านเหล้าของตนเอง และเข้าไปล้อมคนงานของตนเอง ข่มขู่ไม่ให้คนงานของตนเองขนของในร้านออกจากตลาด และเรื่องก็ยังไม่จบจนถึงตอนนี้ ทำให้ตนเองจึงตั้งปมการหายตัวของภรรยาและลูกสาวไว้ 2 ปมเหตุ คือ




1. ภรรยาอาจจะน้อย หลังจากตนเองได้ทะเลาะมีปากเสียงกับภรรยาเรื่องธุรกิจร้านเหล้าในตลาด ที่ภรรยาคุมคนงานขนของออกมาช้า และ 2. ความขัดแย้งทางธุรกิจ ที่ตนเองมีปัญหากับเจ้าของตลาดใหญ่ในพื้นที่ หรือ ธุรกิจอื่น ๆ ที่ตนเองทำอยู่ทั้ง ธุรกิจร้านอาหาร สวนอาหาร ธุรกิจร้านเหล้า รวมถึงธุรกิจรับจำนำรถ ซึ่งอาจจะมีคู่แข่งทางธุรกิจบางราย ที่อาจจะไม่ชอบตนเองก็เป็นไปได้หมด


ส่วนเหตุผลที่ตนเองเพิ่งไปแจ้งความวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ทั้งที่ลูกเมียหายไปตั้งแต่ 16 กุมภาพันธ์ ก็เพราะที่ผ่านมาภรรยาเคยหนีออกจากบ้าน 3 ครั้งแล้ว ครั้งที่ 1 ช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ครั้ง 2 ช่วงสิ้นปี และล่าสุดคือครั้งนี้ ซึ่งทุกครั้งมาจากสาเหตุที่ตนเองพูดจาไม่ดี อารมณ์ร้อน เพราะตนเองบ้างานหนักทั้งสิ้น ไม่มีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยวข้องแน่นอน และทุกครั้งภรรยาก็จะกลับมาบ้านเอง หายไปไม่เกิน 5 วัน ตนเองคบกันมากว่า 8 ปีแล้ว รู้จักนิสัยภรรยาดี


ส่วนเหตุผลที่ตนเองบวช เพราะต้องการทดแทนบุญคุณพ่อแม่ และอยากไปทบทวนตัวเอง เพราะทะเลาะกับภรรยาหนัก ซึ่งบวชเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ ก็เพิ่งบวชสึกมาเมื่อวานนี้ 27 ก.พ. 2567 ก่อนจะมาแจ้งความบันทึกเป็นหลักฐาน ตนเองมั่นใจภรรยาของตนเองไม่มีคนอื่นอย่างแน่นอน และอยากกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม สำหรับใครที่นำพาไปเจอลูกและภรรยา ตนเองมีรางวัลให้ 30,000 บาท และหากภรรยาดูอยู่ ก็อยากให้ติดต่อตนเองกลับมาด้วย เพราะตอนนี้ตนเองห่วงว่าภรรยาและลูกสาวอาจจะไม่ปลอดภัย


ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนางจิ๊บ (นามสมมติ) น้องสาวของสามีผู้สูญหาย เปิดเผยกับข่าวว่าเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ยอมรับว่า เธอได้ขับรถสีดำ เดินทางไปจากบ้านพักไปส่งพี่สะใภ้และลูกสาวที่โรงเรียนในตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งออกจากบ้านไปเวลาประมาณ 07.48 น. โมงเช้า


หลังจากออกจากหมู่บ้าน พี่สะไภ้ได้ให้เธอจอดรถเพื่อแวะซื้อหมูปิ้งข้างทางเพื่อป้อนให้กับลูกสาวกินบนรถ ซึ่งตอนอยู่บนรถ ก่อนที่จะไปซื้อหมูปิ้งเธอเห็นพี่สะใภ้ล้วงกระเป๋ากางเกงหาเงินซื้อหมูปิ้ง จึงทราบว่า พี่สะใภ้มีเงินติดตัวแค่เพียง 300 บาท ซื้อหมูปิ้งไป 20 บาท ก็เหลือ 280 บาท และพี่สะใภ้ไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย หลังจากนั้นเธอเห็นรถของพี่ชาย ขับเลยรถของเธอไปคาดว่า มองไม่ทันเห็นทำให้ไม่เจอกัน หลังจากนั้นพี่ชายจึงโทรศัพท์มาถามว่า อยู่ที่ไหน และขอคุยโทรศัพท์กับภรรยา




ซึ่งทั้งคู่มีการพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์บนรถ ทางพี่ชายของเธอได้ถามพี่สะใภ้ว่าทำไมไม่รอให้ไปส่งลูกด้วย โดยตนเองได้ขับชะลอรถรอพี่ชายตามมา แต่พี่สะใภ้ได้บอกกับเธอว่า ไม่ต้องรอให้ขับรถไปส่งที่โรงเรียนได้เลย หลังจากขับรถมาถึงบริเวณสี่แยกก่อนถึงโรงเรียนตอนนั้นรถติดมาก พี่สะใภ้จึงบอกให้จอดรถแล้วจะเดินลงไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนเอง แต่หลังจากที่เดินลงจากรถไปแล้วพี่สะใภ้ก็ไม่กลับมาอีกเลย เธอรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงโทรศัพท์บอกพี่ชายว่า พี่สะใภ้ไม่ได้กลับมา จากนั้นจึงเริ่มมีการออกตามหา ยืนยันพี่สะใภ้ไม่ได้นำกระเป๋าขนของ หรือ อะไรที่สื่อถึงว่าจะตั้งใจหนีเลยด้วยซ้ำ


ส่วนเรื่องที่ 2 คนมีปัญหาส่วนตัวกันนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะพี่สะใภ้ตอนอยู่ในรถก็ไม่ได้เล่าให้ฟังเพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนเงียบ ๆ ก่อนหน้านี้พี่สะใภ้ก็เคยหนีออกจากบ้านไปประมาณ 4-5 วัน แต่ก็กลับมาอยู่กับพี่ชายเธอเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้นั้นแตกต่างออกไปเพราะพาลูกไปด้วย และหายตัวไปหลายวันไม่ติดต่อกลับมาหาคนในครอบครัว


ล่าสุด ภรรยาและลูกสาว ได้ติดต่อผ่านผู้สื่อข่าว หลังจากข่าวได้ประกาศออกตามหา โดยเธอยืนยันว่าตอนนี้เธอและลูกสาวยังปลอดภัยดี ลูกของตนเองยังอยู่สุขสบาย และไม่ได้ถูกใครลักพาตัวไป แต่เกิดจากความสมัครใจของตนเองที่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของสามีที่ถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งตบ เตะ ตีมาตลอด ตนเองทนไม่ไหวแล้ว


ทุกครั้งที่ตนเองหนี หากมันทำกับตนเองเพียงคนเดียวยังพอทน แต่สามีทำกับลูกสาวของตนเองด้วย ตนเองถึงต้องเอาลูกสาวพาหนี ตอนนี้ตนเองอยากทำเรื่องหย่ากับสามีให้เร็วที่สุด ไม่อยากไปยุ่งอะไรกับสามีแล้ว เพราะรู้ว่าหากวันนี้ยอมดีกัน แต่อยู่ต่อไปสามีก็จะทำร้ายตนเองอยู่อีก