จากกรณีเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.จิรเมธ โชติรัตน์ สว.(สอบสวน) สภ.มาบอำมฤต ได้รับแจ้งพบศพถูกยิงเสียชีวิตอยู่ข้างรถกระบะ บนถนนลำลอง ในสวนปาล์มของชาวบ้าน หมู่ที่ 16 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร โดยที่เกิดเหตุเป็นถนนดินหรือถนนลำลองที่ใช้ขับรถและเดินภายในสวนปาล์มของชาวบ้าน ห่างจากถนนสายหลักเส้นปากคลอง-ปะทิว ประมาณ 5 กม. พบรถกระบะตอนเดียว สีบอร์น-เทา สภาพจอดหันหัวไปทางทิศตะวันตก กระจกประตูรถทั้ง 2 ด้านถูกลดลงจนหมด




ห่างจากประตูขวาด้านคนขับประมาณ 1 เมตร พบศพ นายนิโรจน์ อายุ 48 ปี สภาพศพเริ่มแข็งเสียชีวิตมาแล้วกว่า 6 ชั่วโมง นอนตายหน้าลักษณะขาทั้ง 2 ข้างงอแบะออกหมือนท่านั่งคุกเข่า นุ่งกางเกงขาสั้น สีน้ำตาล เสื้อยืดคอกลมแขนสั้น สีดำ ใส่รองเท้าแตะ ถูกยิงที่กลางหน้าผาก 1 นัด กลางอก 4 นัด ฝ่ามือซ้าย 1 นัด รวม 6 นัด ไม่พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ใช้สายเชือกกั้นรัศมีบริเวณที่เกิดเหตุไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป และมีนางสาวจรรนภา อายุ 45 ปี ภรรยาผู้ตายนั่งร่ำไห้อยู่ใกล้ ๆ


เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบโทรศัพท์มือถือตกอยู่ 1 เครื่อง กระเป๋าสะพาย 1 ใบ และกระเป๋าตังค์ภายในมีเงินอยู่จำนวน 8,020 บาท เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนั้นพบว่า ที่มีร่อยรอยคนร้ายดึงเอากล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้ารถของผู้ตายไปด้วย ส่วนกระบะหลังรถมีเลื่อยยนต์วางอยู่ 1 เครื่อง


ล่าสุด (28 ก.พ. 2567) เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นายชาตรี หรือหนึ่ง ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำ โดยเจ้าตัวก็มีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดการให้ปากคำ โดยนายหนึ่ง ได้เปิดใจว่า ก่อนเกิดเหตุตัวเองนั่งเล่นอยู่กับภรรยา รวมทั้งนายทีรพล และนายแบงก์ จังหวะที่นายทีรพล ญาติของตัวเอง ขี่รถมอเตอไซค์ออกไป ก็มีนายนิโรจน์ (ผู้เสียชีวิต) ขับกระบะไล่ตามนายทีรพลไปในซอยที่เกิดเหตุ ตัวเองและภรรยาจึงขี่รถมอเตอไซค์ตามไป


ซึ่งพอไปถึงจุดเกิดเหตุ ตัวเองก็ได้ให้ทีรพลกลับบ้านไปก่อน จากนั้นก็ดูเหมือนผู้ตายหันหน้าไปหยิบอะไรบางอย่าง ซึ่งตัวเองคาดว่าเขาน่าจะไปหยิบปืน ตัวเองจึงยิงปืนสวนไปเพื่อป้องกันตัวเอง เพราะถ้าเขาไปหยิบมีดหรือปืนมาทำร้ายตัวเองก่อน ศพนั้นอาจเป็นตัวเองก็ได้ และตัวเองก็ขอแก้ข่าวว่าตัวเองไม่ได้สั่งให้ผู้ตายคุกเข่าก่อนยิงเหมือนที่เป็นข่าวแต่อย่างใด และตัวเองก็ขอยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้เมาเหล้า




ทั้งนี้ จากการสอบปากคำภรรยาของนายหนึ่ง คนก่อเหตุ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตนนั่งดื่มเหล้าที่บ้าน กับนายหนึ่ง (สามี) พร้อมด้วยนายแบงก์ และนายทีรพล หรือปัง พอนั่งดื่มเหล้าไปสักพัก นายทีรพล ได้ขี่รถมอเตอไซค์ออกไปข้างนอก แล้วผู้ตายก็เห็นนายทีรพลขี่รถมอเตอไซค์ผ่านหน้าบ้านของนายนายนิโรธจ์ (ผู้ตาย) จึงขับรถกระบะตามมุ่งหน้าจุดเกิดเหตุ


โดยตอนนั้นนายหนึ่ง สามีตัวเองกลัวว่านายทีรพลน่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากนายทีรพลเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายหนึ่ง เขาเคยเล่าให้สามีตัวเองฟังว่า เขามีเรื่องทะเลาะกันกับผู้ตายซึ่งเป็นอดีตพ่อตา จากนั้นนายหนึ่ง สามีจึงขี่รถมอเตอร์ไซค์โดยมีตัวเองเป็นคนซ้อน แล้วขี่ตามรถของผู้ตายไปที่ตรงจุดเกิดเหตุเกิด




พอไปถึงจุดเกิดเหตุ นายหนึ่งก็ได้บอกให้ผู้ตายใจเย็น ๆ แล้วบอกให้นายทีรพลรีบกลับบ้าน จากนั้นนายทีรพลก็ขี่รถ จยย. กลับบ้านไป ส่วนนายหนึ่ง สามีตัวเอง ก็ได้เข้าไปคุยกับผู้ตาย แต่ผู้ตายเขาก็ไม่ฟัง พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของกู เหย..แม่” แล้วเขาก็มีท่าทีเหมือนจะเข้ามาทำร้ายสามีตัวเอง นายหนึ่งจึงเอาอาวุธปืนที่พกติดตัวไป แล้วยิงผู้เสียชีวิตจำนวนหลายนัด จนผู้เสียชีวิตล้มลง ซึ่งหลังจากก่อเหตุ ตัวเองและสามีก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ยืนยันว่าสามีไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุถ้าไม่ถูกผู้เสียชีวิตพูดจาหยาบคายถึงบุพการีก่อน


และที่ผ่านมาสามีตัวเองก็ไม่เคยมีเรื่องกับผู้ตาย ส่วนนายทีรพลเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับสามีตัวเอง และเขาก็เคยเล่าให้ฟังว่าเขามีเรื่องกับผู้ตายมาก่อน วันเกิดเหตุสามีตัวเองเห็นผู้ตายขับรถกระบะตามนายทีรพลไป เพื่อจะไปเคลียร์เท่านั้น ไม่ได้หวังจะไปก่อเหตุแต่อย่างใด ส่วนนายทีรพลเขาก็ไม่รู้เห็นเหตุการณ์ตอนก่อเหตุ เพราะเขากลับบ้านก่อน


ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 สอบถาม นายทีรพล อายุ 30 ปี หรือ ปัง อดีตลูกเขยของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับตัวเองเป็นอดีตลูกเขยของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้ตัวเองคบหากับนางสาวเมย์ ลูกสาวของผู้ตาย แต่เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ตัวเองได้มีปากเสียงทะเลาะกับนางสาวเมย์ถึงขั้นมีการทำร้ายร่างกายกัน


จนนายนิโรจน์ผู้เสียชีวิต ไม่พอใจและเข้ามาหาเรื่องตัวเอง กระทั่งนายนิโรจน์ ยื่นคำขาดกับตัวเองว่า ห้ามให้ตัวเองยุ่งกับลูกสาวของเขาเป็นเด็ดขาด “ไม่อย่างนั้นจะเจอดี” หลังจากนั้นมาตัวเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับลูกสาวของผู้เสียชีวิตอีกเลย ซึ่งก็เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว




และช่วงกลางคืนของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เข้าสู่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุนั้น ตัวเองก็ไม่ได้อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ตัวเองจึงขอยืนยันว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการตายของนายนิโรจน์ อดีตพ่อตาที่เสียชีวิตแน่นอน แต่ยอมรับว่า อดีตพ่อตาเป็นคนใจร้อน และตัวเองก็เคยได้ยินมาว่า นายนิโรจน์ อดีตพ่อตา ได้ไปชอบเมียของชาวบ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ก็คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้หรือไม่ ที่คืนเกิดเหตุนายนิโรจน์อาจไปเคลียร์กับสามีของผู้หญิงที่นายนิโรจน์ ไปพัวพันด้วย แต่เคลียร์กันไม่ลงตัว จึงมีการก่อเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำนายทีรพลอีกรอบ


หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเค้นสอบปากคำนายทีรพล อีก 1 ชั่วโมง เจ้าตัวก็ยอมให้การเป็นประโยชน์กับตำรวจ กระทั่งต่อมาเวลา 13.30 น. ตำรวจได้พาตัวนายทีรพลมาที่จุดเกิดเหตุ เพื่อจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ นายทีรพล ก็ร้องไห้เสียใจ บอกกับทีมข่าวว่า ตัวเองไม่รู้เรื่องกับการก่อเหตุ และการเสียชีวิตของนายวิโรจน์ในครั้งนี้ ตัวเองกลับไปก่อน ตอนที่เขาลงมือก่อเหตุ ตัวเองไม่รู้เรื่อง ทีมข่าวก็สอบถามนายทีรพลอีกว่า แล้วใครเป็นคนทำ นายทีรพล ก็ตอบว่า “ผมไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ได้ทำ”


เมื่อนายทีรพลอยู่บนรถ ทีมข่าวก็ได้สอบถามถามเจ้าตัวอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันว่า ตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการตายของอดีตพ่อตา เพราะตอนเกิดเหตุตัวเองกลับบ้านก่อน ตัวเองไม่อยู่ในจุดเกิดเหตุ

แค้นด่าแม่! รวบมือปืนโหดยิงแสกหน้า ที่แท้ห้ามศึกแต่ถูกด่า รัวหมดโม่ดับสยอง