เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 67 เวลา 17.00 น.โดยทางนางพัชรพร ผญบ. ม.5 บ้านสถาน ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา ได้รับแจ้ง ว่ามีเหตุ ฆ่ากันตาย ที่บ้านสวน ลำไย ไม่มีเลขที่บ้าน หมู่ 5 ต. ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา หลังจากได้รับแจ้งจึงแจ้งให้ พ.ต.อ.ทีฆวุฒิ บัณฑิตชูสกุลผกก.พ.ต.ท.จารุวัจน์ สุปินะรองผกก.ป.พ.ต.ท.สุรกิจ เปี่ยมอริยธน รองผกก.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ชุดสืบสวน สภ. ภูซาง แพทย์นิติเวช รพ.ภูซาง และชุดกู้ภัยรุดไปที่เกิดเหตุ

 

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ภายในบ้านสวนลำไย ภายในบริเวณบ้าน พบ ร่างของนาย ขวัญน้อง (ใหญ่) อายุ 35 ปี นอนหงายเสียชีวิตบนที่นอนในสภาพร่างกายใบหน้า และศีรษะ ถูกทุบด้วยของแข็งจนเลือดแตกกระจายไปทั่วบริเวณ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต สวนผู้ก่อเหตุ ได้หลบหนี ไป จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการติดตามทราบว่า ผู้ก่อเหตุ ชื่อนายธรรมนูญ (สู้)อายุ66 ปี มีศักดิ์เป็นลุง ที่ได้ใช้ไม้ท่อนทำการทุบใบหน้าและศีรษะ นายขวัญน้อง ที่มีศักดิ์เป็นหลาน จนเสียชีวิต และถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา

 

หลังเกิดเหตุ วันนี้ 28 ก.พ. 67 เวลา 11.00 น.พ.ต.อ.ทีฆวุฒิ บัณฑิตชูสกุลผกก.พ.ต.ท.จารุวัจน์ สุปินะรองผกก.ป.พ.ต.ท.สุรกิจ เปี่ยมอริยธน รองผกก.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ชุดสืบสวนสภ. ภูซาง ได้นำตัวนายธรรมนูญ (สู้) ทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านสวน ที่เกิดเหตุ และรับสารภาพว่า โมโหหลานชาย ที่ได้มาอาศัยบ้านของตนเองที่สร้างไว้ในสวนอีกทั้งแม่ของตนเอง ยังได้โอนมรดกที่ดิน ที่ตนเองปลูกบ้านไว้ในบ้านสวน 2หลัง ให้กับหลานชายด้วย ทั้งที่ตนเองสร้างกลับไม่ได้อะไร ส่วนรายละเอียดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ทำการ สอบสวนสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน อีกครั้ง เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นหรือเจตนา

 โดยหลังจากนั้นทีมจึงได้เดินทางไปบ้านของนายขวัญน้อง ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุ โดยทีมข่าวพบว่าบ้านดังกล่าวดังกล่าวเป็นบ้านสวน อยู่ภายในสวนลำไย และอยู่ห่างจากบ้านของย่าที่อยู่ภายในหมู่บ้าน ประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร โดยหลังจากนั้น ทีมข่าวจึงได้ขอ อนุญาตเข้าไปภายในบ้าน ซึ่งทีมข่าวได้พบว่าภายในบ้านของนายขวัญน้อง มีร่องรอยของอาหารและสุรา วางอยู่เกลื่อนกลาดภายในบ้าน และบริเวณที่นอนภายในห้องก็ยังพบรอยคราบเลือดของนายขวัญน้อง ซึ่งบ้านของนายขวัญน้องจะอยู่ถัดเข้ามาบริเวณด้านใน และบริเวณสวนลำไยดังกล่าวจะมีบ้านอยู่สองหลัง

 

ในส่วนบ้านหลังที่เป็นปัญหาจนทำให้นายธรรมนูญและนายขนนต้องทะเลาะกันนั้น คือบ้านหลังสีเหลืองบริเวณด้านหน้า ซึ่งจากการที่ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว โดยประตูด้านหน้าได้ถูกปิดล็อกด้วยกุญแจไว้ แต่ก็ยังมี ข้าวของเครื่องใช้หลงเหลือให้เห็นอยู่

 

และบ้าน ของย่าที่อยู่ภายในหมู่บ้านเป็นบ้านที่จัดงานศพของนายขวัญน้อง ซึ่งบ้านหลังนี้ นายขวัญพี่ ได้พยายามบอกให้นายธรรมนูญ แยกออก มาพักอาศัย เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้ทะเลาะกับนายขวัญน้อง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบริเวณหน้าบ้านของย่ายังมีข้าวของเครื่องใช้เช่นตู้เย็นเครื่องซักผ้า และอื่นๆ ของนายธรรมนูญมากองรวมกันอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งได้ถูกนายขวัญน้อง ขนย้ายจากบ้านสวนมาไว้ที่บ้านแห่งนี้ และเป็นปมเหตุให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

จากนั้นทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ นางพัชรพร อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านสถาน ม.5 ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา โดยได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า

 

“ก่อนหน้านี้นายธรรมนูญ (ผู้ก่อเหตุ) ได้ทำงานเป็นข้าราชการตำรวจ และได้ส่งเงินกลับมาให้แม่ของเขาที่อยู่ที่นี่ โดยแม่ของเขาก็ได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อที่ดินและปลูกบ้าน ในสวนดังกล่าว โดยหลังจากนั้นนายธรรมนูญ ได้เกษียนข้าราชการออกมา ก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านสวน แต่ได้ทราบภายหลังว่าแม่ของเขาได้ยกให้กับหลานสองคนซึ่งเป็นฝาแฝดกัน คือนายขวัญพี่ และ นายขวัญน้อง จึงเกิดความไม่พอใจและไม่ยอมย้ายออก จึงทำให้นายขวัญน้องไม่พอใจเช่นกัน จึง ทำให้เกิดการทะเลาะกันขึ้น ในส่วนของนายขวัญพี่ เป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจอะไรในเรื่องนี้จึงไม่เกิดปัญหา

 

โดยหลังจากนั้นจึงเกิดการทะเลาะและมีปัญหากัน เรื่อยมา จนครั้งหนึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ภูซางได้โทรศัพท์มาแจ้งกับตน ว่าให้มาดูบ้านหลังที่เป็นปัญหาหน่อย เนื่องจากนายธรรมนูญได้โทรไปแจ้งตำรวจว่า นายขวัญน้องได้นำกุญแจมาล็อกซ้อนกับกุญแจของเขาบริเวณประตูหน้าบ้าน ซึ่งในตอนนั้นตนก็ได้เข้าไปพยายามพูดคุยและสอบถามว่าเกิดเหตุการณ์อะไร ซึ่งในตอนแรกผมเข้าใจว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของนายธรรมนูญ แต่กลับไม่ใช่ และมาทราบภายหลังว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของนายขวัญน้อง ซึ่งทางย่าของเขาได้ยกให้ จึงเป็นเหตุที่ทำให้นายธรรมนูญไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 

โดยนายธรรมนูญนั้นก่อนหน้านี้ตนก็รู้จักและเคยพูดคุยกัน ซึ่งตัวเขาเองนั้นเป็นคนที่มีจิตใจดี และชอบช่วยเหลือสังคม ไม่ว่างานในหมู่บ้านจะมีกิจกรรมอะไรก็จะออกมาช่วยและร่วมกันทำโดยตลอด แต่ในช่วงหลังมา ดูเหมือนเค้าจะมีอาการชอบโมโหร้ายและหงุดหงิดง่าย ซึ่งตนก็ไม่ทราบเป็นเพราะสาเหตุอะไร และสาเหตุดังกล่าวน่าจะมีส่วนที่ทำให้เขาลงมือก่อเหตุฆ่าหลานของตัวเอง”

 

ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายขวัญพี่  อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นแฝดผู้พี่ ของนายขวัญน้อง (ผู้ตาย) โดยนายขวัญพี่ได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า

 

“เมื่อวานในช่วงเช้าตนได้เห็นว่าบ้านของนายขวัญน้องได้เปิดไฟอยู่บริเวณหน้าบ้าน ตนจึงได้เดินเข้าไปดูว่าทำไมถึงไม่ปิดไฟ หลังจากนั้นได้พยายามเรียกนายขวัญน้อง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ จึงได้เดินเข้าไปดูภายในบ้านก็พบว่านายขวัญน้องได้นอนเสียชีวิตอยู่ภายในที่นอน ซึ่งลักษณะมีบาดแผลบริเวณศีรษะและใบหน้า เป็นแผลฉกรรจ์ จำนวนหลายแห่ง จากนั้นตนจึงได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านและญาติ

 

ซึ่งในตอนนั้น ตนคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นลุงที่เป็นผู้ก่อเหตุ เพราะก่อนหน้านี้ ลุงจองตนและนายขวัญน้อง จะมีปัญหากันมาตลอด โดยหลังจากนั้นเพียงไม่นานตนก็ได้ทราบว่า นายธรรมนูญซึ่งเป็นลุงของตนเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้นายธรรมนูญและนายขวัญน้องจะมีปัญหากันมาตลอด ในเรื่องบ้านที่ทางย่าได้ยกให้กับนายขวัญน้อง แต่ตนก็ได้พยายามแยกทั้งสองคนไม่ให้อยู่ด้วยกัน เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้มีปัญหา

 

ซึ่งปกติแล้วนายขวัญน้องจะชอบดื่มสุราและเมาแทบทั้งวัน และมักจะมีปัญหากับลุงอยู่บ่อยครั้งในช่วงหลัง

 

แต่ทางด้านนายธรรมนูญซึ่งเป็นลุงนั้น เมื่อก่อนจะดีมาก แต่หลังจากที่เกษียณราชการและกลับมาอยู่ที่บ้านนั้น ตนไม่ทราบว่าเขาเครียดสะสมเรื่องอะไร จนทำให้เป็นคนที่ขี้โมโห และมักจะโมโหร้าย และมักจะไม่ค่อยฟังเหตุผลของใครจึงมักจะทะเลาะกับนายขวัญน้องอยู่บ่อยครั้ง

 

ซึ่งในช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุประมาณเกือบ 1 ปี ตนก็ได้ให้นายธรรมนูญ ย้ายจากบ้านสวน ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของนายขวัญชัย ไปอยู่บ้านของย่าซึ่งอยู่ภายในหมู่บ้าน แต่ลุงก็ไม่พอใจและได้ย้ายไปอยู่ลูกของเขาที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และจะคอยกลับมาอย่างบ้านที่มีปัญหา ล่าสุดเขาได้กลับมาเมื่อวันก่อน และได้พบว่านายขวัญน้อง ได้ขนข้าวของเครื่องใช้ของเขาไปไว้ที่บ้านย่าซึ่งอยู่ภายในหมู่บ้านจึงทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก และประกอบกับ เห็นนายก่อนน้องนั่งดื่มสุราและเมาอยู่คนเดียวภายในบ้าน จึงได้ก่อเหตุใช้เข้าไปทุบตีนายขวัญน้องจนเสียชีวิต”

 

มรดกเลือด! ลุงเหี้ยมฆ่าทุบหัวหลานตอนหลับดับคาที่นอน แค้นใจแม่ยกที่ให้หลาน