ความคืบหน้า คดีฆ่าชาวไต้หวัน ที่สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ , มีผู้ต้องหา ตามหมายจับ 5 คน ล่าสุด จับตัวหญิงไทย 1 เดียวได้แล้ว ที่ปอยเปต ยอมรับว่าอยู่ในบ้านลาดปลาเค้า ในคืนเกิดเหตุ แต่ไม่รู้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 67 ตำรวจกัมพูชา ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ สามารถจับกุมตัว น.ส.ปิยานุช ได้แล้ว ที่กาสิโน ในกรุงปอยเปต ฝั่งกัมพูชา จึงนำตัวกลับมาสอบปากคำเบื้องต้น ที่ ศูนย์ปฏิบัติการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว

แม่อายุ 50 ปี ทราบข่าวว่าลูกสาวถูกจับแล้ว จึงเดินทางมา เพื่อขอเยี่ยม แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวน และแจ้งให้แม่เดินทางไปที่ จ.สมุทรปราการ พื้นที่เกิดเหตุ

ตอนเย็น ตำรวจคุมตัว น.ส.ปิยานุช มาสอบปากคำ ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างเดินเข้าไปที่ห้องสอบปากคำ เจ้าตัวเดินไปเงียบๆ ไม่ตอบคำถามใดๆของนักข่าว จากการสอบปากคำ ปิยานุช ยอมรับว่า วันเกิดเหตุ อยู่ในบ้านลาดปลาเค้า แต่อยู่ที่ชั้น 3 และได้ยินเสียงคล้ายปืน จึงไม่กล้าลงมาดู ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่ใช่เรื่องชู้สาว แต่อาจเป็นเรื่องธุรกิจ ซึ่งตนก็ไม่รู้ ส่วนที่หนีไปด้วย เพราะตนคบหากับ "นายหวัง" ฟีลเลี้ยงดู ให้เงินใช้ เขาบอกให้ตนเก็บข้าวของ ตนก็เก็บ เพราะตกใจ น.ส.ปิยานุช บอกว่า แฟนตน คือ นายหวัง เป็นคนขับรถมาสด้า สีแดง นำศพออกจากบ้าน มี "นายลิน" นั่งไปด้วย ซึ่งนายลิน เป็นคนลงไปซื้อน้ำยากำจัดคราบ และยังเป็นคนที่ขโมยรถยาริส สีขาว จากพัทยา มาพร้อมกับผู้ตายด้วย

ย้อนกลับไปช่วงเที่ยง ชายอายุ 52 ปี ชาวปทุมธานี นำใบบันทึกประจำวัน ของ สภ.ปากคลองรังสิต เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และให้ปากคำ ในฐานะเจ้าของปืน ซึ่งเป็นกระบอกเดียวกับที่ใช้ยิงชาวไต้หวัน เสียชีวิต เจ้าของปืน บอกว่า เป็นปืนออโตเมติก จุด 45 มีทะเบียน แต่ไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ปีที่แล้ว (2566) ให้ "นายชัยวัฒน์" ที่ร้านขายปืน ย่านหนองแขม กรุงเทพฯ ในราคา 40,000 บาท อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่หลังจากนั้น ไม่ทราบรายละเอียดว่า ปืนถูกขายต่อ หรือส่งต่อไปให้ใคร กระทั่งตำรวจโทรมา ตนจึงเดินทางมาพบ เพื่อให้ข้อมูลและแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ต่อมา ตำรวจเชิญตัว "นายชัยวัฒน์" ที่รับซื้อปืน มาให้ปากคำ บอกว่า เป็นแค่บุคคลธรรมดาที่รับซื้อปืน ไม่ใช่ร้านปืนที่ซื้อมาขายไป ปืนกระบอกนั้น ขายต่อให้คนอื่นไปแล้ว เมื่อปลายปีที่แล้ว (2566) จำไม่ได้ว่า ขายให้ใคร

ล่าสุดวานนี้ 27 ก.พ. 67 เวลา 19.00 น. พลตำรวจเอก วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ บอกว่า จากการสอบปากคำหญิงไทย ให้การเป็นประโยชน์ สอดคล้องกับคำให้การของพยาน ที่อยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ว่า ได้ยินเสียงปืน 2 นัด และได้ยินเสียงพูดขอโทษเป็นภาษาจีน 3 ครั้ง ตอนนี้ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม และใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มาประกอบ เพื่อยืนยันว่า หญิงไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตรงกับคำให้การหรือไม่เบื้องต้น ยังตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ ธุรกิจผิดกฎหมาย คือยาเสพติด / แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเรื่องชู้สาว

ส่วนผู้ต้องหาชาย ชาวไต้หวัน 4 คน พบว่า มี 1 คน กลับประเทศไปแล้ว , อีก 3 คน ยังหลบหนีอยู่ในกัมพูชา