เมื่อเวลา 18.40 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 67 พ.ต.ต.วันชัย รักบุญเมือง ร้อยเวร สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งจากพลเมืองดี มีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มคลั่ง ลงจากแฟลตถือมีด ถีบรถจักรยานยนต์ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ขณะ ขับรถจักรยานยนต์ผ่านหน้าศูนย์ กศน.ตรงข้ามแฟลตตำรวจ สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช หลังรับแจ้งจึงเดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และอาสาสมัครกู้ภัยชะอวด

 

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อ น.ส.ประภา อายุ 69 ปี มีบาดแผลถูกแตงตามใบหน้าและแขนทั้ง 2 ข้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัส และ นส.วิจิตตรา อายุ 51 ปี มีบาดแผลถูกแทงตรงโหนกแก้มทั้ง 2ข้าง แขนทั้ง2 ข้าง และแผ่นหลังเกือบ 10 แผล เสียชีวิต ขณะนำส่ง ที่ รพ.ชะอวด

 

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังพบผู้ก่อเหตุเดินถือมีดก่อนเข้าจับกุมตัวในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อส.ต.อ.ชวนิล ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช

 

ช่วงเวลา 00.00 น. ที่ผ่านมา ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังสภ. ชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยพบว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการสอบปากคำ ส.ต.อ.ชวนิล ผู้ต้องหา ซึ่งขณะสอบปากตำในห้องสืบสวน พบว่าผู้ต้องหามีสีหน้าเรียบเฉย มีเลือด คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต ติดอยู่ที่หน้าผาก

 

เวลา 00.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว ส.ต.อ.ชวนิล ผู้ต้องหา ลงจากห้องสืบสวนชั้น 3 เพื่อมาเข้าห้องขัง จังหวะที่ผู้ต้องหา เดินมาเจอทีมข่าว เจ้าตัวก็ยกมือไหว้ ทีมข่าวก็สอบถามว่า ที่ก่อเหตุนั้น ปมเหตุมาจากเรื่องอะไร ก่อนที่ผู้ต้องหาจะหยุดเดิน แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็พาผู้ต้องไปลงบันไดอีกคนละฝั่ง แล้วพาผู้ต้องหาเข้าห้องขังต่อไป

 

เวลา 09.30 น. วันนี้ 25 ก.พ.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้คุมตัว ส.ต.อ.ชวนิล ผู้ต้องหาไปฝากขัง ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่ามกลางบรรยากาศของญาติของผู้เสียชีวิตที่เกาะติดเหตุการณ์อยู่บริเวณด้านหน้าของโรงพัก

 

ระหว่าง ที่เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาออกมานั้น ผู้จัดข่าวพยามสอบถาม ถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ แต่ผู้ต้องหาไม่ได้ตอบคำถามแม้แต่คำถามเดียว ก่อนที่น้องสาวของผู้เสียชีวิต จะใช้กำ ปั้นทุบเข้าที่ท้ายทอยผู้ต้องหา 1 ครั้ง บรรยากาศจะเต็มไปด้วยความชุลมุน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถ

 

ส่วนทางญาติของผู้เสียชีวิตพยายามตะโกนถามผู้ต้องหา ว่าฆ่าผู้ตายทำไม และพยายามทุบกระจกรถ เพื่อให้ผู้ต้องหาออกมาให้คำตอบกับญาติถึงสาเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้ด้วย

เวลา 10.30 น. หลังจากตำรวจนำตัวผู้ต้องหาออกมาจากสภ. ชะอวด เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถพาผู้ต้องหามาที่โรงพยาบาลชะอวดต่อ เพื่อทำการตรวจร่างกาย ส.ต.อ.ชวนิล ซึ่งพอมาถึงโรงพยาบาลตำรวจก็ได้นำตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจร่างกายอยู่ในห้องฉุกเฉิน โดยใช้เวลาตรวจร่างกายประมาณ 30 นาที

 

ขณะเดียวกันนั้นครอบครัวของผู้เสียชีวิต ก็ได้ตามผู้ต้องหามาที่โรงพยาบาลชะอวด เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี ว่าพบสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหาหรือไม่ รวมถึงอยากจะถามผู้ต้องหาว่าแทงผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเพราะอะไร

 

เวลา 11.00 น. หลังจากตรวจร่างกายผู้ต้องหาเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รีบพาตัว ส.ต.อ.ชวนิล ผู้ก่อเหตุ รีบขึ้นรถ เพราะญาติของผู้เสียชีวิต ยืนรอเต็มหน้าโรงพยาบาล

 

จังหวะที่ผู้ต้องหาก้าวเท้าขึ้นรถกระบะนั้น ได้มีนายวุฒิชัย อายุ 36 ปี หลานชายของผู้เสียชีวิต พยายามจะเปิดประตู เข้าไปในรถเพื่อสอบถามผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบขับรถออกไป แต่นายวุฒิชัย หลานชายของผู้เสียชีวิต ก็ได้กระโดดขึ้นท้ายกระบะ ไปกับรถควบคุมผู้ต้องหา จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุน ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ต้องวิ่งตามรถคันดังกล่าว

 

กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ขับรถกระบะจากโรงพยาบาลชะอวดไประยะ 300 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการจอดรถรอบที่ 1 ก่อนที่ เจ้าหน้าที่จะลงจากรถ แล้วมาพูดคุยให้นายวุฒิชัย ยอมลงจากรถ เพราะถือเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ทั้งเกลี้ยกล่อม และพยายามดึงตัวนายวุฒิชัยลงมาจากรถกระบะ แต่นายวุฒิชัยก็ไม่ยอมลง และใช้มือเกาะรถอย่างแน่น

 

ต่อมาผู้ต้องหา ได้ลดกระจกลงมาดูเหตุการณ์ ทีมข่าวจึงสองถามผู้ต้องหาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดคุยอะไร

 

จากนั้นตำรวจได้ขับรถออกไปจากจุดนี้ ได้แค่ 10 เมตร ก่อนที่จะจอดรถเป็นรอบที่ 2 ซึ่งตำรวจได้ลดกระจกฝั่งผู้ต้องหาลงมา ผู้หญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิต ก็ได้ถามผู้ต้องหาว่า “ฆ่าเขาทำไม ทำไปเพื่ออะไร” ผู้ต้องหาตอบสั้นๆว่า “กินเหล้าครับ เลยเมาเหล้า”

ตำรวจได้ขับรถรถกระบะออกไปจากจุดจอดจุดที่สอง เพื่อพาผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาล จังหวัดนี้ได้มีน้องสาวของผู้เสียชีวิต เอามือมาทุบกระจกเพื่อจะขอสอบถามผู้ต้องหาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถกระบะออกไปโดยมีนายวุฒิชัยเกาะท้ายรถกระบะเช่นเดิม

 

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถกระบะออกไปอีก 1 กิโลเมตร ก่อนจะทำการจอดรถเป็นรอบที่ 3 แต่ก็ยังมีนายวุฒิชัย เกาะท้ายรถกระบะคันดังกล่าวไปอีก ตำรวจจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้นายวุฒิชัย ลงจากรถ เพราะหากยื้อกันนานกงานนี้ อาจทำให้ไปฝากขังผู้ต้องหาที่ศาลไม่ทันเวลา ซึ่งจะไม่ผลเป็นผลดีกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพราะหากกักขังไม่ทันจะต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราว

 

ต่อมาบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตได้ขอตำรวจพูดคุยกับผู้ต้องหาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการฝากขัง กระทั่งตำรวจได้ลดกระจกให้ญาติคนตาย ได้คุยกับผู้ต้องหา

 

ผู้ต้องหาบอกกับญาติคนตายว่า “ตัวเองก่อเหตุเพราะเมายาดองและเมาเหล้า “เมื่อญาติคนตายได้ฟังคำตอบของผู้ต้องหาแล้วก็ พูดกลับไปว่า “มันไม่เกี่ยวน้อง แล้วทำไมน้องไม่ฆ่าพ่อแม่น้องล่ะ” หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาผู้ต้องหา ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไป โดยที่รอบนี้นายวุฒิชัยก็ไม่ได้เกาะท้ายรถอีกแล้ว

 

เปิดวงจรปิด ภาพสุดท้ายคนตาย ก่อนเกิดเหตุ

กล้องวงจรปิด ตัวที่ 1 เวลา 18.36 น. และกล้องวงจรปิด ตัวที่ 2 เวลา 18.39 น. จับภาพ นส.วิจิตตรา ผู้ตาย (คนขับ) และนางสาวประภา (คนซ้อน) ขับรถกลับจากทำบุญ เพื่อมุ่งหน้าจุดเกิดเหตุ

 

กล้องวงจรปิดตัวที่ 3 เวลา 18.43 จะเห็นชาวบ้าน ตกใจมองไปยังจุดเกิดเหตุ ก่อนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2นาย ขับรถ จยย.ไประงับเหตุ ที่จุดเกิดเหตุ

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้กล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติม พบว่า

กล้องตัวที่ 1 เวลา 19.40 น. เวลาจริง 18.40 ได้ยินเสียงกรี๊ดของคนตายและผู้บาดเจ็บ ขณะมีการเกิดเหตุ

 

กล้องตัวที่ 2 เวลา 19.41.37 ได้ยินเสียงคนก่อเหตุมีอาการคลั่ง ซึ่งได้ยินเสียงตะโกนค่อนข้างดัง จากนั้นเวลา 19.42.24 ก็มีเสียงคนก่อเหตุ ตะโกนเสียงดังเป็นระยะ แล้วมีคำพูด “มึงรู้จักกูไหม”

 

กล้องตัวที่ 3 เวลา 19.43.37 คนก่อเหตุ โดนล็อกตัว มีเสียงคนก่อเหตุ ตะโกนเสียงดัง

 

กล้องตัวที่ 4 เวลา 19.44 มี ตร.นอกเครื่องแบบ เข้าไประงับเหตุ

 

กล้องตัวที่ 5 เวลา 19.45 รถกู้ภัยมารับคนเจ็บ และผู้เสียชีวิต

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางอุมาวดี อายุ 49 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต เธอให้สัมภาษณ์ด้วยความคับแค้นใจว่า เมื่อวานนี้ นส.วิจิตตรา รักขนาม อายุ 51 ปี ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นพี่สาวของตัวเอง ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์กลับมาจากทำบุญ พร้อมกับนางสาวประภา โดยพี่สาวตัวเองเป็นคนขับ โดยทั้งสองกำลังขับมอเตอร์ไซค์เพื่อจะ ไปซื้อของที่ตลาด ระหว่างขับมาถึงบริเวณหน้ากศน. ชะอวด ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับแฟลตตำรวจสภ. ชะอวดนั้น ได้มีตำรวจนายหนึ่ง วิ่งคลั่งถือมีดลงมาจากแฟลตตำรวจ แล้วตรงเข้ามาถีบรถมอเตอร์ไซค์ของพี่สาวตัวเองจนล้ม ก่อนที่พี่สาว และน้าสาวตัวเองจะล้มไปกับรถ

 

จากนั้นตำรวจนายดังกล่าว ก็เข้ามากระหน่ำแทงพี่สาว และน้าสาวตัวเองหลายครั้ง โดยนางสาวประภา น้าสาวตัวเองที่เป็นคนซ้อน วิ่งหนีได้ทัน ก่อนจะไปขอความช่วยเหลือกับชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้ แต่นส.วิจิตตรา พี่สาวตัวเองนั้น ไม่สามารถลุกวิ่งหนีไปไหนได้ จึงอาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

หลังเกิดเหตุมีคนโทรศัพท์ไปบอกตัวเองตัวเองจึงรีบเดินทางมายังสภ. ชะอวด เพื่อจะดูหน้า ตำรวจที่ก่อเหตุแทงพี่สาวและน้าสาวของตัวเอง พอมาถึงโรงพัก ก็ถูกตำรวจที่โรงพักกีดกันไม่ให้ดูหน้าผู้ต้องหา ตัวเองก็บอกกับตำรวจไปว่า “ถ้ากลัวตัวเองจะทำอะไร จับตัวเองมัดมือไว้ก็ได้แต่ตัวเองขอเห็นหน้าตำรวจที่ฆ่าพี่สาวตัวเองหน่อย” แต่เขาก็ไม่ยอมให้เห็น

 

ตัวเองจึงอยากถามกลับไปไปยังสภ. ชะอวดว่า ผู้ต้องหาเค้าทำงานเป็นตำรวจได้อย่างไร ถ้าเค้าป่วยจิตเวชหรือมีอาการคุ้มคลั่งไล่แทงประชาชนแบบนี้ ทำไมเขาไม่แทงผู้บังคับบัญชาเขาเองเลย

 

เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่มีความยุติธรรมไหนจะตอบแทนได้ นอกจากการที่ตัวเองได้เอามีดมาแทงตำรวจนายนั้นคืน เหมือนกับที่เขาแทงพี่สาวตัวเอง

ตอนนี้ตัวเองก็กังวลเรื่องคดีมาก กลัวว่าครอบครัวจะได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุกู้ภัยในพื้นที่ก็มีการโพสต์ข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อยู่ดีดีตอนนี้โพสต์ดังกล่าวก็ถูกลบออกแล้ว และตัวเองก็ได้ยินข่าวมาว่าเป็นตำรวจยศใหญ่ในสภ.ชะอวดนี่แหละ ที่เป็นคนสั่งให้กู้ภัยลบข่าวสาร ตัวเองก็อยากถามว่า การกระทำแบบนี้มันเป็นทำกับครอบครัวตัวเองหรอ เพราะทุกอย่างก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง จะมาสั่งปิดข่าวแบบนี้ไม่ได้

 

โดยตอนนี้ทางตำรวจที่สภ. ชะอวดก็บอกกับตัวเองว่าผู้ต้องหานั้นเขาป่วยเป็นโรคจิตเวช ตัวเองก็อยากจะถามกลับไปว่า ถ้าป่วยเป็นโรคจิตเวชแล้วมาทำงานเป็นตำรวจได้อย่างไร ใครเป็นคนรับผู้ต้องหารายนี้เข้ามาเป็นตำรวจเค้าต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย ยืนยันว่าครอบครัวไม่ยอมและจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด “เขาเป็นตำรวจต้องมาดูแลประชาชน ไม่ใช่มาแทงประชาชน”

 

ส่วนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทั้งสองคนเขาเป็นคนนิสัยดี ไม่เคยมีพิษมีภัยกับใคร และก็เพิ่งกลับจากทำบุญด้วยซ้ำ

 

ช่วงบ่ายของวันนี้ญาติญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุพร้อมกับนิมนต์พระสงฆ์หนึ่งรูปมาทำพิธีพิธีเชิญวิญญาณให้กับผู้ตาย ซึ่งหลังจากพระสงฆ์สวดคาถาเสร็จแล้ว ญาติของผู้เสียชีวิตก็ได้ไปที่จุดเกิดเหตุพร้อมกับบอกวิญญาณของผู้เสียชีวิต ว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องคดี ครอบครัวจะดำเนินการเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเอง และให้วิญญาณของผู้เสียชีวิตไปสู่สุคติ

 

ผลตรวจร่างกาย จ่าคลั่งแทงชาวบ้าน

 

เจ้าของรถยก เผยชนวนเหตุของตำรวจคลั่ง

ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนายเกียรติศักดิ์ อายุ 48 ปี เจ้าของรถยก ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 18.00 น. มีอดีตตำรวจรายหนึ่ง ได้โทรศัพท์มาหาตัวเอง ให้เอารถยกไปยกรถกระบะดำของ ส.ต.อ.ชวนิล (ผู้ก่อเหตุ) ให้หน่อย เนื่องจาก ส.ต.อ.ชวนิล เขาได้ไปดื่มเหล้ากับกลุ่มเพื่อน พอดื่มเสร็จจะขับกระบะกลับบ้าน แต่ได้ถอยรถกระบะลงข้างคูน้ำ รถขึ้นมาไม่ได้

 

เวลาประมาณ 18.10 น. ตัวเองจึงเอารถยกไปยกรถกระบะของ ส.ต.อ.ชวนิล เพื่อลากรถคันดังกล่าวมา ที่แฟลตตำรวจ

 

เพื่อตัวเองไปถึงจุดเกิดเหตุที่รถมีการถอยหลังตกลงคู่คลองนั้น ตัวเองก็เห็น ส.ต.อ.ชวนิล ยืนเมาเหล้า และโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ จากนั้นตัวเองจึงทำการยกรถกระบะ ส.ต.อ.ชวนิล ขึ้นมา แล้วก็ลากรถคันดังกล่าว ยากจุดที่ตกคลองเพื่อมาที่แฟลตตำรวจ ระยะทาง 3 กิโลเมตร

 

ระหว่างที่ลากรถกระบะมานั้น ส.ต.อ.ชวนิล เขาเมาเหล้าหนัก ไม่สามารถขับกระบะคันของเขากลับได้ เขาจึงได้ขึ้นมานั่งรถตัวเอง ที่ตรงเบาะข้างคนขับ จากนั้น ส.ต.อ.ชวนิล ก็คุยโทรศัพท์กับแม่ของเขาตลอดทาง โดยมีการทะเลาะกันกับแม่ในสายโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา ถึงขั้นอารมณ์เสีย รถคันไหนขับผ่านหน้า เขาก็ด่าหมด

 

จากนั้น ส.ต.อ.ชวนิล ก็พูดในสายว่า “เขาเหนื่อย เขาอยากลาออกจากตำรวจ” แล้วอีกประโยคหนึ่ง เขาก็พูดขึ้นมาว่า “มึงอยากจะตายไหม” ซึ่ง พอตัวเองได้ยินประโยคนี้ขึ้นมาก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย และใช้สติตลอดกาลขับรถ ระวังตัวตลอด

 

กระทั่ง ตัวเองลากรถกระบะของผู้ก่อเหตุมาถึงที่แฟลตตำรวจซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุก็ได้ยกมือไหว้ไหว้คุณตัวเองตามปกติ แต่จากนั้นไม่นาน อารมณ์เขาก็เปลี่ยน ฉุนเฉียวขึ้น แล้วก็สังเกตเห็นเขาล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วเอามีดพับออกมา แล้วถือมีดพุ่งเข้าจะมาแทงตัวเอง ตัวเองจึงรีบวิ่งหนี เพื่อไปแจ้งตำรวจที่ สภ.ชะอวด ทำให้ผู้ก่อเหตุไล่ตามตัวเองไม่ทัน จังหวะนั้น ผู้ตายและผู้บาดเจ็บ ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี ส.ต.อ.ชวนิล จึงได้หันไปก่อเหตุกับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บรายนั้นแทน

 

ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะหากตัวเองวิ่งหนีไม่ทัน ก็อาจจะเป็นศพแรกของเมื่อวานก็ได้ ส่วนที่ตำรวจรายดังกล่าวเขาก่อเหตุตัวเองก็คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องของความเครียด บวกกับเรื่องที่เขาทะเลาะกับแม่เมื่อวานนี้

 

ประวัติรักษาอาการป่วย

 

 

คืนสยอง! จ่าคลั่งถีบรถกระหน่ำแทงคนตาย ญาติสุดแค้นบุกโรงพักตบกบาลถามฆ่าทำไม?