จากกรณีเมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 30 มกราคม พ.ต.ท.หญิง สุนันทา รอดเพชร สารวัตรเวร สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุ บุคคลถูกยิงเสียชีวิต ริมถนนเพชรเกษมขาขึ้น กรุงเทพฯ หมู่ 10 ต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี ที่เกิดเหตุ บริเวณโรงจอดรถร้าง ห่างจากถนนเพชรเกษม ประมาณ 3 เมตร พบรถจักรยานยนต์ชนเสา ล้มอยู่ ที่รถจักรยานยนต์พบศพ นายสุทัศน์ อายุ 30 ปี สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ นั่งเสียชีวิตคาอยู่กับรถจักรยานยนต์ แพทย์ชันสูตรพลิกศพพบถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด 9 มม. เข้าที่ใต้กกหูขวา ลำคอ หน้าอก ท้อง แขน และแผ่นหลัง รวม 14 รู บนถนนเพชรเกษม ก่อนถึงจุดพบศพพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 4 ปลอก หล่นกระจัดกระจายระยะทาง กว่า 60 เมตร ต่อมาตำรวจสืบทราบตัวคนร้าย กระทั่งมีการออกหมายจับ นายภีมวัจน์ หรือนายอาร์ม อายุ 29 ปี ซึ่งเมื่อวานนี้ เจ้าตัวประกาศว่าจะเข้ามอบตัวแต่ปรากฏว่าไม่มามอบตัว นั้น



ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 15.30 น. ทาง พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี ได้มีการนำกับลังชุดสืบสวนของ สภ.เมืองเพชรบุรี พร้อมด้วยหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี กระจายกำลังไปค้นบ้านเป้าหมายทั้งหมด 4 จุด ก็คือ 1. บ้านของพ่อตาแม่ยายของนายอาร์ม 2. บ้านของนายเอหนองหว้า ซึ่งถูกระบุว่าเป็นลูกพี่ของนายอาร์มที่มีพฤติกรรมช่วยเหลือในการหลบหนี 3. บ้านของนายเขียว และ 4. บ้านของนายฮอส ซึ่งนายเขียวกับนายฮอส ถูกระบุว่าเป็นคนไปรับนายอาร์ม หลบหนีต่อจากนายเอหนองหว้า

ซึ่งการตรวจค้นวันนี้เริ่มจากบ้านของนางนวล คงสุวรรณ์ หรือ ผู้ใหญ่นวล ผู้ใหญ่บ้านเวียงคอยบน หมู่ที่ 2 ตำบลไร่ส้ม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี แม่ยายของนายอาร์ม ผู้ต้องหา ซึ่งเปิดเป็นร้านขายน้ำตาลสด ตำรวจได้แสดงหมายค้นกับพ่อตาและแม่ยายของนายภีมวัจน์ ก่อนให้นำเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พบอาวุธปืนยี่ห้อคิมเบอร์ ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ซึ่งเป็นของพี่ชายเมียนายอาร์ม

จากนั้นตำรวจได้ทำการตรวจค้นต่อเนื่องมาที่บ้านของนายอาร์มกับเมีย ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของผู้ใหญ่นวล พบว่า เป็นบ้านยกสูงสไตล์โมเดิร์นหลังใหญ่ โดยมีพ่อตา-แม่ยาย รวมทั้งแม่และพี่สาวของนายอาร์มเข้าทำการตรวจค้นใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง พบ อาวุธปืน 3 กระบอก ของแม่ยาย



ส่วนปืนอีก 1 กระบอกเป็นปืนขนาด .38 ของพ่อตานายภีมวัจน์ นอกจากนี้ตำรวจยังตรวจสอบพบรถมอเตอร์ไซค์ที่นายอาร์มขี่ชนนายสุทัศน์ บริเวณปากซอยเวียงคอยบน 1 ก่อนจะไปเปลี่ยนรถแล้วขี่ไปไล่ยิงเสียชีวิต หลังการตรวจค้นตำรวจได้ชี้แจงผลการดำเนินการให้กับผู้ใหญ่นวล แม่ยายของนายอาร์มฟัง พร้อมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์คันก่อเหตุ ซึ่งแม่ยาย ระบุว่า ลูกเขยได้เอาไปด้วย และหลังเกิดเหตุลูกเขยก็ไม่ได้ติดต่อหาลูกสาวเลย จากนั้นตำรวจได้ตรวจยึดปืนทั้งหมด พร้อมทะเบียนปืน และรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าคลิก ไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองเพชรบุรี

นอกจากบ้านแม่ยาย และบ้านของผู้ต้องหา แล้ว ตำรวจยังได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้าน “เอ หนองหว้า” ตำบลหนองขนาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งทราบว่าเป็นรุ่นพี่ของนายอาร์ม ที่มีปรากฏข้อมูลทางการสืบสวน ว่า หลังเกิดเหตุนายอาร์มได้ติดต่อหา เอ หนองหว้า ให้มารับพาหลบหนีไปที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย

ส่วนเป้าหมายอีก 2 หลัง คือ บ้านของนายเขียว และนายอ๊อด รุ่นน้องของ เอ หนองหว้า ที่มีข้อมูลทางการสืบสวนพบว่า หลังจากที่นายอาร์ม ไปที่บ้านของ เอ หนองหว้า แล้วนายเขียว กับนายฮอส เป็นคนมารับนายอาร์ม หลบหนีต่อไป ซึ่งการตรวจค้นบ้านเอ หนองหว้า และบ้านนายฮอส ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนบ้านนายเขียว พบปืนขนาด 11 มม. พร้อมเครื่องกระสุน โดยเป็นปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

ทั้งนี้ตำรวจฝ่ายสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้เชิญตัว เอ หนองหว้า และนายเขียว มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยหากพบว่า มีส่วนร่วมในการช่วยผู้ต้องหาหลบหนี ก็อาจมีการพิจารณาแจ้งข้อหาดำเนินคดีด้วย



ต่อมา เอ หนองหว้า รุ่นพี่ของนายอาร์ม ผู้ต้องหายิงนายสุทัศน์ เสียชีวิต ได้เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจฝ่ายสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรี หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยพาหลบหนี เนื่องจากข้อมูลทางการสืบสวนของตำรวจ พบว่า หลังเกิดเหตุนายอาร์ม ผู้ต้องหา ได้ติดต่อหา เอ หนองหว้า ให้มารับ แล้วพาไปหลบซ่อนตัวที่บ้านหลังหนึ่ง นอกจากนี้ตำรวจยังนำตัวนายเขียวกลับมาสอบปากคำ ซึ่งบรรยากาศในห้องสืบสวน นายเขียว พยายามหลบหน้า

หลังให้ปากคำกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว ทีมข่าวได้พยายามเข้าไปสอบถามข้อมูลกับ เอ หนองหว้า
โดยเจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการหลบหนีของนายอาร์ม ผู้ต้องหา ทั้งยังบอกด้วยว่า หลังเกิดเหตุนายอาร์มไม่ได้มีการติดต่อมาหาแล้ว ณ ตอนนี้ก็ไม่สามารถติดต่อกันได้ด้วย



ซึ่ง เอ หนองหว้า ยังบอกอีกว่า นายอาร์มเป็นรุ่นน้องที่มีนิสัยดี น่ารัก และไม่ใช่คนอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหง่าย ส่วนที่ผ่านมาก็มีติดต่อพูดคุยกันอยู่บ้าง โดยจะเป็นช่วงเวลาหลังจากที่นายอาร์ม ไปส่งลูกที่โรงเรียน ซึ่งก็จะคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไป สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองเองทราบเพียงว่าเป็นปัญหาส่วนตัว ที่นายอาร์มก็ไม่เคยได้เล่าให้ฟัง

ส่วนบรรยากาศงานศพของนายสุทัศน์ วันนี้ พ.ต.อ.วันชัย ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี ได้เดินทางมาเยี่ยมครอบครัวและญาติ ๆ ผู้ตาย ขณะที่ นางสาวชรินทิพย์ พี่สาวของผู้ตาย เปิดใจว่า น้องตนถูกฆ่าไม่เกี่ยวกับธุรกิจสีเทาและชู้สาว ทำธุรกิจสีเทาและขัดแย้งกันเพราะทำธุรกิจสีเทา ยืนยันที่น้องตนถูกฆ่าเพราะนายอาร์มหมั่นไส้และแค้นฝังหุ่นน้องชายตนมานานแล้ว

เพราะอาร์มไม่พอใจที่น้องชายตนไปคบกับอดีตแฟนสาวของนายอาร์ม หลังน้องตนรู้ว่าอาร์มไม่พอใจก็เลิกกับแฟนสาวที่เคยเป็นแฟนเก่านายอาร์มให้ เพราะไม่อยากขัดแย้งด้วย โดยหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้น 10 ปีก่อน หลังน้องเลิกแฟนสาวแต่นายอาร์มไม่จบผูกใจเจ็บเรื่องนี้ ตามมาล้างแค้นมาตลอด



ครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกเกิดขึ้นหลังน้องเลิกแฟนสาว เริ่มจากอาร์มเอาปืนไล่ยิงน้องชายตนที่หน้าร้านอาหาร น้องก็ไปแจ้งความแต่อาร์มขอไกล่เกลี่ย ฝ่ายตนจึงเรียกค่าเสียหาย 1-2 แสนบาทเท่านั้น ตนขอน้องให้ยอมจบเรื่องเพราะน้องกำลังบวช

ครั้งสองน้องตนบวช อาร์มก็โพสต์เฟซบุ๊กด่าน้องตนขณะบวชระบุข้อความว่า “อีลูกกะ-รี่ หาเงินด้วยวิธีนี้” แม่ตนไม่ยอมก็ไปแจ้งความแทนน้องตน แล้วตำรวจโทร. ให้มารับเงิน 3,000 บาท เท่านั้น ครั้งสามจนก่อนน้องถูกยิงอาร์มพยายามทำร้ายน้องตนเรื่อย ๆ ลักษณะเจอที่ไหนต่อยที่นั่น ซ้ำล่าสุดมาฆ่าน้องตนเสียชีวิต น้องชายตนทนพฤติกรรมอาร์มมาเป็นเป็น 10 ปีแล้ว

ทำให้พ่อตนที่มีปืนซึ่งยืนยันมีใบอนุญาตพกถูกต้องตามกฎหมาย เอาปืนให้น้องชายตนพกเพราะเป็นห่วงแต่น้องไม่กล้าพก เพราะน้องไม่มีใบอนุญาตกลัวผิดกฎหมาย สุดท้ายคนที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายไม่พกปืน แต่อีกฝ่ายไม่กลัวกฎหมายพกปืนแล้วนำมายิงน้องตน ตนเรียกร้องอะไรได้บ้างเพราะสลดใจน้องทำทุกอย่างถูกต้องกฎหมายแต่สุดท้ายตาย

ยอมรับตนเองเสียใจและเจ็บใจตัวเอง เพราะตัวเองผิดที่ให้น้องยอมจบเรื่องกับอาร์มไม่สู้คดีแต่ให้ยอมความ เพราะน้องกำลังบวชจนอาร์มมันมาฆ่าน้องภายหลัง ไม่งั้นน้องคงไม่ตาย

ร่ำข้างโลง! ถามตำรวจช่วยอะไรได้บ้างผัวถูกยิง เมียท้องแก่แจ้งความไม่เคยจับ