วงจรปิดรถเก๋งสีแดงเอี่ยวอุ้มค่าหนุ่มมัดมัดมือเท้า เห็นวินาทีอุ้มขึ้นรถ ก่อนภาพวงจรปิดจับภาพคนก่อเหตุย้อนกลับมาทิ้งทำลายหลักฐาน โยนสิ่งของลงบ่อน้ำ

คืบหน้ากรณี พบศพ นายธนาสันต์ อายุ33ปี ถูกมัดมือเท้าโยนทิ้งข้างทางด่วน หลังจากที่เจ้าตัวขับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้าน แล้วมีรถเก๋งสีแดงต้องสงสัยขับตามหลัง ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

วันนี้ (1 ก.พ.) ข่าวช่องแปดลงพื้นที่ย้อนกลับไปยังหมู่บ้านของนายธนาสันต์ คนตาย โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในวันเกิดเหตุที่ก่อนจะพบเป็นศพ พบว่ามีภาพจากกล้องวงจรปิดในหมู่บ้าน จับภาพวันที่ 27 ม.ค. เวลาประมาณ 21.45 น. จับภาพรถสวิฟต์สีแดง ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน ขับเข้ามาภายในหมู่บ้านและมุ่งหน้าไปบ้านของคนตาย โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด2ตัว จับภาพรถต้องสงสัยเอาไว้ได้

 

และเวลาต่อมา กล้องวงจรปิดตัวดังกล่าว จับภาพในคืนวันเดียวกันวันที่ 27 ม.ค. เวลาประมาณ 22.06น. เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของนายธนสันต์ คนตาย ขับผ่านกล้องตัวดังกล่าวออกมาจากหมู่บ้าน แล้วยังพบว่ามีรถสวิฟต์สีแดงต้องสงสัยขับตามหลัง ทิ้งห่างไม่ถึง 2เมตร โดยสังเกตว่าบริเวณจุดดังกล่าวจะมีลักษณะคล้ายลูกระนาดแต่รถเก๋งคันดังกล่าวขับประกบไม่มีการชะลอ ขับปีนลูกระนาด เพื่อประกบตามหลังออกไป

 

จากนั้นยังมีกล้องวงจรปิดอีกชุดบริเวณด้านหน้าเทคโนโลยีสุวรรณภูมิ บนถนน 3034 ในพื้นที่บางพลีใหญ่ จับภาพรถมอเตอร์ไซค์ของคนตายขับนำ และตามหลังด้วยรถเก๋งสวิฟต์สีแดงยังขับตามหลังมาติดๆ

 

แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงอีกจุดหนึ่ง ซึ่งยังอยู่บนถนนเดียวกันหมายเลข 3034 ในพื้นที่บางพลีใหญ่ ซึ่งจุดบริเวณบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับบริษัทเอกชนซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถ ห่างจากหมู่บ้านของคนตายประมาณ 1 กิโล 600 เมตร ซึ่งมีป่ารกข้างทาง ติดกับหนองน้ำ จับภาพรถมอเตอร์ไซค์ของคนตายถูกรถเก๋งสวิฟต์ขับตีคู่ เพื่อประกบและให้จอดจอดบริเวณจุดดังกล่าว

 

ก่อนที่ภาพวงจรปิดจะสังเกตเห็นลักษณะเงา มีคนเปิดประตูลงมาจากด้านหลังคนขับ 1 คน และเงาของคนที่ลงจากรถด้านข้างคนขับอีก 1คน แล้วจะสังเกตว่ามีการบังคับให้คนตายขึ้นไปนั่งบริเวณด้านหลัง ฝั่งของผู้โดยสาร และคนที่ลงจากรถ 1 คน ไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของคนตายและขับตามออกไป โดยกล้องดังกล่าวเป็นวินาทีที่ มีการสลับคนขับและบังคับให้คนตายขึ้นไปนั่งอยู่บนรถสวิฟต์สีแดง ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดวงจร 2 มุม จับภาพเอาไว้ได้

 

ขณะเดียวกัน ยังมีกล้องวงจรปิดอีกจุด ไม่ไกลจากจุดที่มีการทิ้งหลักฐานและอุ้มขึ้นรถ จับภาพ รถมอเตอร์ไซค์ของคนตายซึ่งมีคนก่อเหตุเป็นคนขับแทนในขณะนั้น ขับนำ และจากนั้นมีรถเก๋งสีแดงขับตามหลัง ผ่านกล้องตัวดังกล่าว เวลาประมาณ 22:13น.

 

จากนั้น กล้องตัวเดียวกัน จับภาพ รถมอเตอร์ไซค์ของคนตาย ซึ่งมีกลุ่มก่อเหตุเป็นคนขับแทนในขณะนั้น จับภาพเวลา 22.14 น. ของคืนวันเดียวกัน 27 ม.ค. เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของคนตายขับย้อนมา เพื่อที่จะนำถุงสีขาวต้องสงสัยไปโยนทิ้งน้ำ ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ และหลังจากที่เห็นว่ารถมอไซค์ขับผ่านจะได้ยินเสียง พร้อมกับปฏิกิริยาของหมาที่อยู่ในกล้องมีลักษณะเห่าตามหลัง , และเวลาต่อมาประมาณ 22:15 น. หลังจากที่ทิ้งเสร็จแล้วรถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวก็รีบขับตาม รถเก๋งสีแดงออกไปเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปที่จุดพบศพ

 

เส้นทางอุ้มหนุ่มโรงงานก่อนพบเป็นศพมัดมือมัดเท้า

ขณะเดียวกันทีมข่าวช่องแปดตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเส้นทางของกลุ่มขบวนรถต้องสงสัยหลังจากที่มีการอุ้มคนตายขึ้นรถเก๋งสีแดง และมีในบรรดากลุ่มคนก่อเหตุเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์แทนคนตาย ัน

 

โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดกล้องวงจร จุด ถนนทางลัดเลียบคลอง มุ่งหน้าออกถนนบางนา-ตราด เวลาประมาณ (เวลาจริง 22.19 น.) จับภาพรถมอเตอร์ไซค์ของคนตายซึ่งมีกลุ่มก่อเหตุเป็นคนขับแทนขับนำ และทิ้งห่างเล็กน้อย จะเห็นรถเก๋งสีแดงที่มีคนตายอยู่ภายในรถหลังถูกอุ้มขับตามหลัง

 

จากนั้นมีภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใต้สะพานข้ามแยกถนนบางนา-ตราด 2ตัว จับภาพต่อเวลาประมาณ 22:30 น. ซึ่งจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของคนตายขับนำโดยมีคนก่อเหตุเป็นคนขับ และรถเก๋งขับตามหลัง โดยในรถนั้นมีคนตายนั่งโดยสารไปด้วย

 

ทีมข่าวลงพื้นที่ย้อนกลับไปยังจุดที่ภาพจากกล้องวงจรปิดในคืนวันเกิดเหตุ (27 ม.ค.) จับภาพรถเก๋งสีแดงซึ่งเป็นรถต้องสงสัยมีการขับประกบรถมอเตอร์ไซค์ของคนตาย ก่อนที่จะมีการสลับตัวและอุ้มขึ้นรถ อีกทั้งจุดดังกล่าวมีภาพจากกล้องวงจรปิดจากภาพว่า มีรถมอเตอร์ไซค์ของคนตายซึ่งคนก่อเหตุเป็นคนขับในขณะนั้น ขับเข้ามาโยนของเพื่อทิ้งทำลายหลักฐาน

 

โดยทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดดังกล่าวพบว่าเป็นถนนหมายเลข 3034 ในพื้นที่ของบางพลีใหญ่ มุ่งหน้าออกถนนบางนาตราด โดยฝั่งซ้ายจะสังเกตว่าเป็นลักษณะป่ารกร้าง ซึ่งมีต้นไม้และต้นหญ้า พร้อมกับบริเวณจุดดังกล่าวมีหนองน้ำ แตะอีกฝั่งขวาของถนน จะมีบ้านของชาวบ้านและรวมถึงร้านค้า และบริษัทเอกชนตั้งอยู่ แต่ช่วงกลางคืนส่วนใหญ่จะมีลักษณะปิดเงียบ

 

และจากจุดที่มีการจอดอุ้มห่างไม่ถึง 5 เมตร ก็จะถึงจุดที่ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพว่ามีการโยนสิ่งของทำลายหลักฐานบริเวณจุดดังกล่าว ซึ่งทีมข่าวไปสำรวจบริเวณจุดที่ภาพกล้องวงจรปิดภาพได้ จะสังเกตว่าบริเวณจุดนั้นมีต้นหญ้ารก และด้านหลังต้นหญ้าจะเป็นหนองน้ำ ซึ่งทราบว่าเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจาก สภ. บางปะกง ได้มีการลงพื้นที่มาตรวจสอบเพื่อหาของกลางตามที่ภาพกล้องวงจรปิดจากภาพเอาไว้ได้แล้ว แต่ยังไม่มีรับรายงานว่าเจออะไรบ้าง

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวทรายทอง (นามสมมติ) ชาวบ้านใกล้กับจุดอุ้ม เผยว่า ในคืนวันที่ 27 ม.ค. คืนวันเกิดเหตุ ตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน มีเพียงคนงานและลูกจ้างคนอื่นพักผ่อนอยู่ในบ้าน แต่ในคืนนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะเข้าใจว่าเป็นช่วงเกิดเหตุช่วงกลางคืน และโดยส่วนใหญ่ก็จะมีรถที่ผ่านสัญจรไปมา แต่ไม่ค่อยมีใครมาจอด อีกทั้งเส้นทางนี้กลางคืนค่อนข้างมืดและเปลี่ยว แต่ตนเองมาทราบภายหลังเพราะมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกแถวนี้ โดยปรากฏภาพว่ามีรถเก๋งกับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบกันและมีลักษณะของการก่อเหตุบางอย่าง โดยตนเองก็เพิ่งมาทราบจากที่มีตำรวจเข้ามาสอบถาม และลงพื้นที่เมื่อวานนี้ และหากย้อนกลับไปในคืนดังกล่าวตนเองก็ได้ไปสอบถามกลุ่มลูกจ้าง ก็ไม่ได้ยินเสียงใครร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ เพราะถ้าหากมีอะไรผิดพลาดอย่างน้อยก็ต้องมีคนงานได้ยิน และก็ต้องมีหมาเห่า แต่ในคืนนั้นยืนยันว่าทุกอย่างค่อนข้างนิ่งเงียบ

 

ส่วนกรณีกรณีที่มีภาพจากกล้องวงจรปิดจากภาพรถมอเตอร์ไซค์ขับย้อนศรเอาของมาเขวี้ยงปาลงที่บ่อน้ำนั้น ตัวเองก็เพิ่งทราบหลังจากที่มีตำรวจชุดสืบสวนมานั่งดูกล้องอย่างละเอียด แล้วปรากฏภาพว่ามีคนเอาของมาเขวี้ยงปาลงไป แต่เมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ 10:00 น. มีเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจากบางปะกง มาตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร ซึ่งเข้าใจว่าอาจจะจมน้ำหายไปหรือมีคนเก็บไปแล้วหรือไม่ เพราะโดยส่วนใหญ่จะมีคนเก็บของเก่าแวะเวียนมาแถวนี้เป็นประจำ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าของที่อยู่ในถุงสีขาวจะเป็นของที่กลุ่มคนเก็บของเก่าเก็บไปหรือไม่ เพราะตำรวจก็เพิ่งบ่นกับตนเอง ว่า มาแล้วแต่ไม่เจอสิ่งของ

 

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านของคนตาย ซึ่งตามที่มีภาพจากกล้องวงจรปิดจากภาพ ว่ามีรถเก๋ง สวิฟต์ สีแดง มีการขับเข้ามาภายในหมู่บ้านในคืนวันเกิดเหตุและขับตามหลังรถมอเตอร์ไซค์ของคนตายออกไป ก่อนพบเป็นศพ นั้น

 

ระหว่างที่ทีมข่าวเข้าไปภายในหมู่บ้านของคนตาย มีภาพจากกล้องหน้ารถจับภาพรถสวิฟต์สีแดง จอดอยู่ซอยกลางของหมู่บ้าน ก่อนถึงซอยบ้านของคนตาย โดยรถสวิฟต์แดงคันดังกล่าวทั้งสีและรุ่นตรงกันกับที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด แต่เพียงรถคันที่ทีมข่าวเห็น มีการติดแผ่นป้ายทะเบียน กรุงเทพเอาไว้ แต่เมื่อเทียบกับภาพกล้องวงจรปิดที่จะจับภาพในคืนวันเกิดเหตุ ที่เห็นรถยี่ห้อสวิฟต์สีแดงขับตามหลังรถคนตายออกไปนั้น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

 

ด้านนางนิด (นามสมมติ) เจ้าของรถสวิฟต์สีแดงที่จอดอยู่ในหมู่บ้านของคนตาย เผยว่า ส่วนตัวยืนยันว่าเป็นเจ้าของรถคันที่ทีมข่าวเห็นในหมู่บ้าน แต่ไม่ใช่รถคันเดียวกันกับที่ปรากฏอยู่ในภาพกล้องวงจรปิด เพราะในคืนนั้นตนเองเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม แล้วไม่ได้ออกไปไหน และที่สำคัญตนเองเป็นคนขับรถไม่เก่ง จึงไม่ค่อยที่จะเอารถออกไปใช้มากนัก ส่วนใหญ่จะใช้เฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ไปรับลูกหลานที่โรงเรียน และเวลาจะใช้รถเก๋งจะใช้เฉพาะที่ขับไปธุระไกลๆ ดังนั้นรถจึงจอดอยู่ในสภาพแบบนั้นไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน และรถของตนเองก็ไม่ใช่ลักษณะที่ไปตรงกับภาพที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้อย่างแน่นอน เนื่องจากรถของตนเองติดแผ่นป้ายทะเบียนตลอดไม่เคยถอด

 

สำหรับในหมู่บ้านของตนเองมีรถสวิฟต์ซึ่งรุ่นตรงกันมีหลายคัน แต่ถ้าเป็นสีแดงมีเพียงแค่ตนเองเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ใช้คันนี้อยู่ แต่ไม่ใช่คันที่จะนำไปก่อเหตุหรือเกี่ยวข้องกับคดีการตายอย่างแน่นอน และวันที่ 27 ม.ค. ก็ไม่มีใครมายืมรถตนเองไปไหน โดยส่วนใหญ่ตนเองใช้เองขับเอง ไม่เคยให้ใครยืมอยู่แล้ว และที่สำคัญแม้จะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ตนเองก็ไม่เคยขับรถตามหลังรถคนตาย และไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าคนตายจะเข้าออกเวลาไหน

 

ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังวัดวัดคลองปลัดเปรียง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของผู้เสียชีวิต ได้พูดคุยกับ นายเฉลิมพล อายุ 33 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองและนายธนาสันต์ อายุ 33 ปี ผู้เสียชีวิต รู้จักกันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ ที่ผ่านมานายใหม่ เขาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร ตอนเด็กๆเขาเป็นคนชอบปฏิบัติธรรม และเคยไปปฏิบัติธรรมกับตัวเองหลายครั้ง

 

ส่วนปมในการก่อเหตุครั้งนี้ ตัวเองมองก็ตอบไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ส่วนเรื่องชู้สาว ก็ไม่เคยเห็นว่านายใหม่ จะไปมีพฤติกรรมชู้สาวกับใคร ส่วนแชต ที่มีการส่งมาให้กับภรรยาของผู้เสียชีวิตนั้น ตัวเองก็คิดว่าไม่น่าใช่นายใหม่ คงเป็นแชตที่คนร้ายสวมรอยมาพิมพ์แน่ๆ

 

ลักษณะศพของนายใหม่ ถูกพบอยู่ห่างจากบ้านค่อนข้างไกล ตัวเองจึงเชื่อว่า คนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3 คน และก็น่าจะฆ่านายใหม่มาจากอีกที่หนึ่ง แล้วเอาศพมาทิ้งในที่เกิดเหตุ ที่ห่างออกไปกว่า 50 กิโลเมตร ซึ่งถ้าคนร้ายทำได้ถึงขนาดนั้น เขาอาจเป็นแก๊งผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ตัวเองจึงคิดว่า ปมน่าจะมาจากเรื่องปัญหายาเสพติด,เรื่องเงินกู้ และเรื่องการพนัน

ที่แรก! เปิดนาทีเก๋งแดงประกบอุ้มหนุ่มโรงงาน ตะลึงดักรอแล้วล็อกคอขนร่าง