จากกรณีที่นางสาวอัจ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี เดินทางมาที่สำนักงานชมรมสื่อมวลชนภาคเหนือ เพื่อขอความเป็นธรรม หลังถูกตำรวจ ยศร้อยตำรวจตรี สังกัดงานจราจร สภ.แห่งหนึ่ง ในจังหวัดลำพูน หลอกให้รัก แล้วหลอกยืมเงินกว่าครึ่งล้าน ล่าสุดหลอกจดทะเบียนสมรสปลอมอีกด้วย

 

นางสาวอัจ (นามสมมติ) เล่าเพิ่มเติมว่า ล่าสุดอ้างว่า สหกรณ์ตำรวจลำพูนมีปัญหาต้องการเงินจำนวน 300,000 บาท เพื่อไปชำระหนี้ปิดบัญชี และจะไปสมัครเป็นสมาชิกออมทรัพย์สหกรณ์ตำรวจที่เชียงใหม่ เพื่อขอกู้ใหม่ ผ่านไปปีกว่าก็ยังไม่ได้เงิน อ้างว่ากู้ไม่ได้ ลาออกก็ไม่ได้

โดยก่อนจะมาเอาเงินสามแสนบาทจากตนเองนั้น ตำรวจนายนี้ได้หลอกให้แม่เอาโฉนดที่นาไปจำนองกับสถาบันการเงิน ตนจึงได้เสนอเงื่อนไขไปว่า ถ้าเอาเงินก้อนนี้ไปต้องจดทะเบียนสมรสกับตนเอง ซึ่งเขาก็รับปาก และในวันที่มารับเงินไปก็นำทะเบียนสมรสปลอมที่ทำขึ้นมาลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ถ่ายเอกสารมาหลอกแม่ตนเองว่า ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับตนเองแล้ว แม่จึงเชื่อใจจึงได้มอบเงินให้ไป จำนวน 300,000 บาท หลังจากนั้นก็ยังขอเงินตนเองมาเรื่อยๆ ล่าสุดตนเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็ขอยืมไปอีก 4,000 บาท

ล่าสุดวันที่ 17 มกราคม 2567 มีผู้หญิงโทรมาบอกว่า เธอเป็นอะไรกับผู้กอง น้องตอบว่าเป็นเมีย เขาถามต่อว่ามีทะเบียนสมรสไหม ตนเองบอกว่ามี เขาก็บอกว่าเขาก็มี คบกันมานานหรือยัง ทำไมน้องไม่รู้ จากนั้นก็วางสายไป หลังจากนั้นฝ่ายชายก็บล็อกการติดต่อทุกช่องทาง ทำให้ตนไม่สามารถติดต่อได้ และหมดหนทางที่จะได้เงิน จึงไปร้องเรียนผู้บังคับบัญชาของร้อยตำรวจตรีคนนี้ และผู้บังคับบัญชาก็รับปากจะเจรจาให้ แต่สุดท้ายก็เงียบ ตนจึงเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน

 

นางสาวอัจ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองนั้นคบหาอยู่กินกับผู้ชายคนนี้มา 3 ปีแล้ว โดยฝ่ายชายเป็นคนทักแชตเฟซบุ๊กมาหาตน จากนั้นก็คุยกันเรื่อยมา จนคบกันฉันสามีภรรยา ซึ่งตั้งแต่คบหากันฝ่ายชายเป็นคนนิสัยดีมากๆ และตั้งแค่คบกันมาก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันเลย และเรื่องเงินที่นำเสนออกไปก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักด้วย

แต่ประเด็นสำคัญที่ทำให้ตนต้องออกมาร้องสื่อจนเป็นข่าวใหญ่โต ก็คือเรื่องของการที่สามีนอกใจไปมีกิ๊ก โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา ทางตนกำลังนอนเล่นโทรศัพท์แล้วก็มีแชตเด้งขึ้นมาจากแอปฯ TikTok ว่า “มีเมียแล้วไม่ต้องทักมานะ” ซึ่งทักมาหาในบัญชี TikTok ของฝ่ายชาย

จากนั้นตนก็โทรไปหาฝ่ายชาย ถามว่าใครทักมาหาในแอป TikTok ซึ่งฝ่ายชายก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เคยเล่น จากนั้นก็มีเบอร์โทรศัพท์ปริศนาโทรเข้ามาหาตน ถามว่าตนเองเป็นอะไรกับฝ่ายชาย คบกันมานานหรือยัง ตนก็บอกไปว่าเป็นเมีย แต่อีกฝ่ายก็บอกว่าเป็นเมียเช่นกันและก็มีทะเบียนสมรสด้วย ทางตนก็บอกไปว่าตนก็มีเหมือนกัน แต่ในใจก็รู้ว่าเป็นของปลอม แต่ต้องแสดงความเป็นเจ้าของก่อน จากนั้นฝ่ายกิ๊กก็บอกว่า แล้วทำไมหนูไม่รู้มาก่อนว่าพี่เป็นเมียเขา แล้วก็วางสายไป

 

ทำให้ตนจับได้คาหนังคาเขาทันทีว่าฝ่ายชายมีกิ๊ก ก็เลยพยายามติดต่อไปหาหลายต่อหลายสายแต่ติดต่อไม่ได้ เนื่องจากฝ่ายชายบล็อคช่องทางการติดต่อทั้งหมดไปแล้ว แต่ทางตนยังให้โอกาสอยู่ประมาณ 3-4 วัน เพื่อรอฝ่ายชายติดต่อกลับมา แต่ก็ไร้วี่แวว จึงตัดสินใจร้องสื่อในกรณีดังกล่าว

ส่วนเรื่องของทะเบียนสมรสยอมรับว่าสมรู้ร่วมคิดกันจริงๆ แต่ทางตนยืนยันว่าในตอนแรก ตนเตรียมใจจะไปจดทะเบียนสมรสจริงๆ เพราะรักฝ่ายชายมาก แต่ทว่าฝ่ายชายบอกยังไม่พร้อมในตอนนี้ แต่ด้วยรักฝ่ายชายสุดหัวใจ ทั้งตนและฝ่ายชายจึงตัดสินกันว่าคงต้องทำทะเบียนสมรสปลอมไปให้แม่ดู เพื่อให้แม่เกิดความสบายใจ หลังแม่บอกว่าถ้าอยากได้เงินส่วนต่างไปกู้ก็ต้องจดทะเบียนกัน

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาพบกับผู้หมวดอ่ำ (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่ตำรวจในจ.ลำพูน ผู้ที่ถูกภรรยาร้องสื่อ โดยผู้หมวดอ่ำเปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าตนเองนั้นพบเจอกับภรรยาคนนี้ในเฟซบุ๊ก จากนั้นก็พูดคุยกันเรื่อยมา จนตกลงคบหากันมาได้นานกว่า 3 ปีแล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คบหากันมากว่า 3 ปี จนเรียกได้ว่าอยู่กันแบบฉันสามีภรรยากันแล้ว ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเลย ไม่ว่าเรื่องเงินหรือจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางภรรยาตนนั้นจับได้ว่าตนเองนั้นมีกิ๊ก เนื่องจากได้เข้าไปดูโทรศัพท์ตน แล้วจากนั้นภรรยาได้สังเกตว่ามีเบอร์แปลกเบอร์หนึ่งโทรเข้ามาหาบ่อย ทางภรรยาจึงลองโทรไปหาแล้วพูดคุยกับเบอร์ดังกล่าว จึงทราบว่าเบอร์ที่โทรไปหาได้บอกว่า เธอเป็นแฟนกับสามีตนนั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้ทางตนก็ยอมรับเป็นเรื่องจริงที่ตนมีกิ๊ก เพราะว่าเป็นคนเจ้าชู้มากจริงๆ ตั้งแต่วัยรุ่น  และยังหยุดพฤติกรรมนี้ไม่ได้ ส่วนกิ๊กที่ภรรยาจับได้ก็คบกันมานานกว่า 1 ปีแล้ว จึงคิดว่านี้คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทางภรรยาของตนโกรธเป็นอย่างมาก จนถึงขนาดต้องไปร้องสื่อในระยะไม่ถึงสัปดาห์นั้นเอง

 

ต่อมา คือ ประเด็นสำคัญที่ผู้หมวดอ่ำ อยากจะชี้แจงคือเรื่องเงินและเรื่องทะเบียนสมรสปลอม ซึ่งทางผู้หมวดอ่ำขอชี้แจงว่า เรื่องเงินที่ทางภรรยาไปร้องสื่อก่อนหน้า มีความคลาดเคลื่อนเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องเงินนั้นขอยืนยันว่าการที่อยู่แบบสามีภรรยากันแล้ว เรื่องเงินก็คุยกันได้ เวลาตนมีเงินตนก็ให้ภรรยาตลอด ส่วนเวลาตนเดือดร้อน ภรรยาก็ให้เงินเช่นกัน

โดยเรื่องเงินที่เกิดการเข้าใจผิดเรื่องแรกนั้น คือเรื่องเงินที่ขอภรรยาไปสอบนายร้อยตำรวจที่จ.ลำปาง โดยเงินตรงนี้ขอยืนยันว่า ไม่ถึง 5 หมื่น ซึ่งเงินที่นำไปสอบนายร้อยตำรวจ คือเงินที่ภรรยาได้มาจากการเล่นแชร์ ซึ่งไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ และนำเงินตรงนี้ไปใช้ในการเดินทางและเป็นค่ากิน ค่าที่พักระหว่างไปสอบนายร้อยตำรวจ ซึ่งภรรยาตนก็ไปด้วย

เรื่องที่สอง คือ เรื่องเงินที่ภรรยาอ้างว่าทางตนไปหลอกแม่ยาย ให้แม่ยายเอาโฉนดที่นาไปจำนองกับสถาบันการเงิน ตนยืนยันไม่ได้หลอกอะไรทั้งสิ้น แต่เรื่องก็คือ ทางตนเคยยืมเงินแม่ยายไปซ่อมรถหลายต่อหลายครั้ง จนตนก็มาขอยืมอีก แต่คราวนี้แม่ยายไม่มีตังค์แล้ว ทางตนจึงตัดสินใจจะไปกู้สหกรณ์ให้ที่เชียงใหม่เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย ซึ่งทางภรรยาตนก็ไปพร้อมกับตนด้วย แต่เมื่อไปทำเรื่องแล้วจะต้องมีคนค้ำประกันให้ และมีส่วนต่างเป็นเงินจำนวนหนึ่ง จึงไปบอกให้แม่ยายเป็นคนค้ำให้และขอให้ออกเงินให้ เพื่อจะได้ไปกู้เงินออกมาได้

ซึ่งแม่ยายได้เสนอเงื่อนไขไปว่า ถ้าเอาเงินก้อนนี้ไปต้องจดทะเบียนสมรสกับลูกสาวตนเท่านั้นเพื่อความสบายใจ แต่ทางตนก็ได้คุยปรึกษากับภรรยากันแล้ว ก็ตกลงกันว่าทั้งคู่ยังไม่พร้อมที่จะจดทะเบียนสมรส จึงวางแผนกันว่าจะทำใบสมรสปลอมไปให้แม่ยายดู เพื่อจะให้แม่ยายรู้ว่าจดทะเบียนกันแล้ว จะได้นำเงินไปจ่ายส่วนต่างและจะนำเงินที่กู้มาใช้จ่ายกันทั้งคู่

 

สุดท้ายตนก็อยากขอโทษกับสิ่งที่ตนนั้นได้นอกลู่นอกทางกับภรรยาคนนี้ ยอมรับว่าเจ้าชู้จริงๆ แต่ตนก็อยู่กับภรรยาคนนี้มานาน ก็ยังรักและหวังดีเสมอ ก็หวังว่าทางภรรยาตนจะยอมใจเย็นและคุยกันดีๆ จะได้ปรับความเข้าใจกันใหม่ และกลับมารักกันเหมือนเดิม

หลังจากนั้น ทีมข่าวได้พยายามถามฝ่ายหญิงว่าอยากจะเคลียร์ใจกับฝ่ายชายหรือไม่ ทางฝ่ายหญิงก็บอกว่า ตอนนี้ก็อยากจะคุยเคลียร์ใจ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องจนตนต้องไปร้องสื่อ ก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับฝ่ายชายเลย ทำให้ทีมข่าวช่อง 8 ตัดสินใจโทรไปบอกฝ่ายชายว่าทางฝ่ายหญิงให้โอกาสเข้ามาขอโทษและเคลียร์ใจให้รู้เรื่องแล้ว ต่อมาทั้งคู่จึงมีโอกาสได้คุยกัน โดยฝ่ายชายได้ขอโทษฝ่ายหญิง เรื่องที่ตนไปมีกิ๊ก จนทำให้เรื่องเกิดความวุ่นวายไปไกล และต่อไปนี้ก็จะสัญญาว่าตนเองนั้นจะไม่ทำนิสัยแบบนี้อีกแล้ว เพราะรักฝ่ายหญิงมาก

ส่วนทางฝ่ายหญิงก็เหมือนจะยังไม่ให้อภัยฝ่ายชายเต็มที่ แต่ก็ใจเย็นยอมพูดคุยกัน โดยฝ่ายหญิงยังไม่ตัดสินใจว่าจะให้โอกาสฝ่ายชายหรือไม่ เพราะตอนนี้ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวฝ่ายชาย โดยฝ่ายหญิงได้บอกกับทีมข่าวว่า ถ้ามีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง และครั้งถัดๆ ไป ซึ่งตอนนี้ยัง 80-20 เปอร์เซ็นต์ โดย 80 เปอร์เซ็นต์ คือไม่ให้โอกาส ส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ คือให้โอกาส แต่หลังจากนี้ก็จะฟังเหตุผลจากฝ่ายชายมากขึ้นเพื่อประกอบการตัดสินใจในอนาคต

 

จากนั้นฝ่ายชายก็ขอกอดฝ่ายหญิงและหอมแก้มฝ่ายหญิง ซึ่งฝ่ายหญิงก็ไม่ปฏิเสธและยอมให้ฝ่ายชายกอดและหอมแก้มแต่โดยดี และถัดมาฝ่ายชายก็ได้เกี่ยวก้อยกับฝ่ายหญิง สัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ฝ่ายหญิงก็ยังไม่มั่นใจและบอกว่าขอคิดดูก่อน ว่าหลังจากนี้จะเอายังไงกับฝ่ายชายดี เพราะยังตัดสินใจไม่ได้

ผู้หมวดสะดุ้งรัก เมียแฉทะเบียนปลอมเจอฟาดคืนส่อคุกคู่ สื่อพาเคลียร์ดันพลิกล็อก