จากกรณีกู้ภัยช่วยกันระดมตามหาร่างผู้สูญหายจากการจมน้ำ เป็นชาย 2 ราย ผู้ใหญ่ 1 ราย เด็ก 1 ราย พื้นที่บ้านท่าต้นเกี๋ยง ม.7 ต.สันติสุข อ.พาน จ.เชียงราย โดยจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับสะพานข้าแม่น้ำคาว ซึ่งมีระดับน้ำสูงประมาณ 3 เมตร กระแสน้ำไหลเชี่ยว เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง ต.สันติสุข และ ต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย เมื่อไปถึงได้มีหน่วยกู้ภัยจากหลายหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยตามหาผู้สูญหาย



จากการสอบถามในเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นนักการภารโรงโรงเรียนบ้านเหมืองง่า และอีกคนเป็นเด็กนักเรียนเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้เด็กที่เสียชีวิตและเพื่อน รวม 4-5 คน พากันมาเล่นน้ำหลังจากเล่นฟุตบอลเพื่อคลายร้อน ก่อนที่มีเด็กคนหนึ่งได้จมน้ำ เพื่อนจึงวิ่งไปตามนักการภารโรงที่ขับรถผ่านมาพอดีเพื่อมาช่วย แต่โชคร้ายจมน้ำดับทั้งคู่

ในการระดมกำลังตามหาผู้สูญหายนี้ ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากได้รับแจ้งตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 17.25 น. วันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา และได้ช่วยกันค้นหาทั้งการใช้เรือค้นหาบนผิวน้ำ และให้นักประดาน้ำงมค้นหา จนกระทั่งพบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนายพันธ์ อายุ 58 ปี โดยพบศพลอยห่างจากจุดจมประมาณ 50 เมตร ซึ่งเป็นบริเวณโค้งน้ำ มีกระแสน้ำ ศพลอยไปติดกับต้นไมยราพยักษ์กลางน้ำ เจอศพเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. จากนั้นทีมค้นหาได้ค้นหากันต่อจนถึงเวลาประมาณ 23.00 น. จึงยกเลิกภารกิจเพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน และมาเริ่มการค้นหาอีกครั้งในเช้าวันนี้

ต่อมาช่วงเวลา 09.10 น. เช้าวันนี้ ชุดค้นหาได้นำเรือล่องไปตามแม่น้ำคาว และไปพบร่างของ ด.ช.ศุภากร อายุ 12 ปี ลอยไปติดตลิ่ง ห่างจากจุดจมประมาณ 500 เมตร จึงนำศพขึ้นเรือมายังจุดเล่นน้ำ เพื่อรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เผยก่อนเด็กและภารโรงจะมาจมน้ำ มีคนตายมาแล้ว 6 ศพ



หลานสาวลุงภารโรง เผยลุงว่ายน้ำไม่แข็ง ก่อนเกิดเหตุ 1 วันขอกินข้าวเป็นมื้อสุดท้าย 

วันที่ 18 ตุลาคม 2566 ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังบ้านที่จัดงานศพของนายพันธ์ ลุงภารโรงที่เสียชีวิต ทางญาติ ๆ ได้นำโลงศพของนายพันธ์มาตั้งไว้ที่หน้าบ้านบนรถเข็น ซึ่งจะมีการตกแต่งด้วยปราสาทไม้ เป็นความเชื่อของคนภาคเหนือที่จะต้องนำศพขึ้นบนรถเข็นเพื่อสวดอภิธรรมเป็นคืนสุดท้ายก่อนที่จะเคลื่อนศพไปเผาที่วัดในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้

นางนิลุบล อายุ 50 ปี หลานสาวของนายพันธ์ บอกว่า ลุงพันธ์อาศัยอยู่ที่บ้านคนเดียวไม่มีเมียไม่มีลูก ซึ่งก่อนจะไปเป็นภารโรง ลุงพันธ์มีอาชีพเผาถ่ายขายและขับรถรับส่งนักเรียนในพื้นที่ โดยในวันเกิดเหตุจริง ๆ แล้วลุงพันธ์ไม่ได้เข้าไปทำงานในโรงเรียน แต่มีการนำไม้ที่ตัดเอาไว้หลังบ้านไปเผาที่เตาถ่านใกล้กับจุดเกิดเหตุ



เท่าที่เด็กนักเรียนมาเล่าให้ฟัง บอกว่าหลังจากที่เพื่อนจมน้ำ มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งวิ่งไปตามลุงพันธ์ ที่เตาเผาถ่านให้ลงน้ำไปช่วยน้องนักเรียนที่กำลังจมน้ำ ด้วยความที่ลุงพันธ์คิดว่าน้ำคงไม่ลึกจึงกระโดดน้ำลงไปช่วยเด็กทั้ง ๆ ที่ตัวลุงเองก็ว่ายน้ำไม่แข็ง จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ส่วนเรื่องลางสังหรณ์ ก่อนจะเกิดเหตุ 1 วัน ลุงพันธ์ได้เข้าไปขอกินข้าวที่บ้านญาติ โดยพูดขึ้นมาว่า "น้าขอกินข้าวเป็นมื้อสุดท้าย" ซึ่งญาติก็ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะเป็นเรื่องจริง

วันนี้ในช่วงเช้า ทางญาติของเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตได้เข้ามาขอโทษและแสดงความเสียใจกับญาติแล้ว ซึ่งทางญาติของลุงพันธ์ เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ จึงไม่ได้ติดใจถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น



พ่อเด็ก เสียใจกับลุงภารโรงที่ต้องมาเสียชีวิต รับไม่เคยเตือนลูกเรื่องลงเล่นน้ำ

บรรยากาศที่วัดสันกอตาล ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพ ด.ช.ศุภากร วันนี้มีทางญาติเข้ามาร่วมพิธีกันด้วยความโศกเศร้า ซึ่ง นายประพันธ์ อายุ 47 ปี เป็นพ่อของ ด.ช.ศุภากร เปิดเผยว่า ในส่วนของครอบครัวยืนยันว่าก่อนหน้านี้สนิทกับลุงพันธ์ เนื่องจากลุงพันธ์จะขับรถเข้ามารับส่งนักเรียนในหมู่บ้านทุกวัน ส่วนลูกชายในฐานะคนเป็นพ่อ ยืนยันว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายมักจะไปเล่นน้ำหลังจากซ้อมฟุตบอลเสร็จ ก็เลยไม่เคยเตือนลูก

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากจะให้มันเกิดขึ้นมา ในส่วนวันนี้ได้ให้ทางญาติไปแสดงความเสียใจกับทางญาติลุงพันธ์แล้ว เสียใจกับลุงพันธ์ที่ต้องมาเสียชีวิตในขณะที่ลงน้ำไปช่วยลูกทั้ง ๆ ที่ตัวลุงก็ว่ายน้ำไม่แข็ง

ภารโรงฮีโร่กระโดดน้ำหวังช่วยชีวิตเด็ก สุดท้ายดับคู่ หลานเผยลาขอกินข้าวมื้อสุดท้าย