"เศรษฐา" เป็นประธานเผาทำลายยาเสพติดของกลางกว่า 25,517 กิโลกรัม ลั่น "ยาบ้า" ต้องหมดในรัฐบาลนี้ ตั้งเป้า 1 ปี ต้องลดลง - ผู้ค้าต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด คนเหล่านี้เป็นอาชญากร ไม่กลัวคุก -ต้องเร่งยึดทรัพย์ ก่อนถ่ายโอน ตัดวงจรค้าซ้ำ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและหัวหน้าหน่วยราชการจากกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมประชุม ที่ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ

 

นายเศรษฐา กล่าวว่า เราให้คำมั่น จะทำให้เป็นวาระแห่งชาติ  ซึ่งตนจะเป็นประธาน นั่งหัวโต๊ะ ทำให้ระยะอันใกล้ หมดลงไปให้มากที่สุด รวมถึง การดูแลผู้เสพ ผู้ป่วย ให้คืนกลับสู่สังคม รวมถึงป้องกันตั้งแต่ต้นน้ำไม่ให้เข้าไปเสพ รวมถึงการยึดทรัพย์ ต้องทำโดยเร็ว มิเช่นนั้นผู้ผลิต จะมีสถานภาพการเงินแข็งแรง และกลับมาสู่วงจรใหม่ ขณะที่การเผาทำลายก็ต้องทำโดยเร็วเช่นกัน เพื่อไม่ให้สังคมมีคำถาม

 

จากนั้น นายเศรษฐา​ และคณะได้เดินทางมาที่  บริษัท อัคคีปราการ จำกัด เพื่อเป็นประธานพิธีเผาทำลายยาเสพติดที่ถูกอายัด​เป็นกลาง โดยมีประชาชนและหน่วยงานมาเข้าร่วมกว่า 200 ราย เพื่อเป็นสักขีพยานในการเผาทำลายยาเสพติดครั้งนี้ 

 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา​ กล่าวว่า  ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเรื้อรัง ทำให้สถาบันครอบครัวอ่อนแอ รัฐบาลมีนโยบาย ทั้งปราบปรามและบำบัด โดยผู้ที่ติดยาเสพติดไม่ใช่คนร้าย แต่เป็นผู้ป่วย ฉะนั้นต้องช่วยรักษา พากลับมาเป็นพลเมือง และลูกที่ดีของครอบครัวอีกครั้ง และจะต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วม ขอให้หน่วยงานทำงานใกล้ชิดกับประชาชน

 

"ผู้ค้าต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด คนเหล่านี้เป็นอาชญากร ที่ไม่ควรติดคุกติดตะราง แต่พวกเขากลัวที่สุดคือการถูกยึดทรัพย์ที่ได้มา ขอให้หน่วยงาน เร่งดำเนินการยึดทรัพย์ให้เร็วที่สุด อย่าให้เกิดการโอนถ่ายได้ง่าย ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตนขอเป็นประธาน ในการผนึกกำลังทุกหน่วยงาน และประชาชน แก้ไขปัญหา และจะติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยจะปฏิบัติงานอย่างมีนิติธรรมนิติรัฐ ให้ประชาชนอยากทำงานร่วมกับรัฐ และรู้สึกปลอดภัย ที่จะแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ รัฐบาลนี้เอาจริง ผมตั้งเป้าที่ชัดเจนให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัญหาจะต้องลดลงให้ได้ภายใน 1 ปี  ในรัฐบาลนี้จะต้องทำยาบ้าหมดไปให้ได้ ตนจะนำมาทำลายให้หมด เหมือนที่ทุกคนจะได้เห็นในวันนี้"

 

ทั้งนี้ การเผาทำลายของกลางยาเสพติดวันนี้ มาจากคดียาเสพติดจำนวน 100 คดี เป็นยาบ้า 12,522 กิโลกรัม ไอซ์ 11,656 กิโลกรัม เฮโรอีน 418 กิโลกรัม ฝิ่น 179 กิโลกรัม คีตามีน 704 กิโลกรัม และสารเสพติดอื่น ๆ น้ำหนักรวม 25,517 กิโลกรัม ซึ่งทำลายโดยการเผาไหม้ด้วยระบบเตาเผาอุณหภูมิสูง 2 ชุด เผาไหม้ที่ 800-1,200 องศาเซลเซียส ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง พร้อมระบบควบคุมมลพิษอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถทำลายได้หมดสิ้น และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน

 

ด้านนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวถึงการเผาทำลายยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดที่สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอคดีสิ้นสุดซึ่งบางคดีใช้เวลาเป็น 10 ปีซึ่งช่วยลดภาระในการเก็บรักษาได้จำนวนมาก