ความคืบหน้า กรณีนางชลธิชา หรือ ป้าอ๋อย อายุ 54 ปี ได้ประกาศตามหาตัว นายรัฐพล หรือ อาร์ต อายุ 32 ปี ลูกชาย ซึ่งได้หายตัวไปตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา

กระทั่งพบว่านายรัฐพล (อาร์ต) เสียชีวิต ถูกทิ้งศพ กลางป่าลึก ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

ต่อมาตำรวจจับตัว นายณัฐปิยะวัฒน์ หรือ ตูน อายุ 35 ปี โดยรับสารภาพ เป็นคนลงมือฆ่านายอาร์ต ถูกแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น


โดยที่สำนักสงฆ์ทุ่งแสงสว่างเจริญธรรม ซึ่งมีพิธีฌาปนกิจนายอาร์ต โดยในช่วง 15.30 น. ได้เริ่มพิธีมีบรรดาเพื่อนๆ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ญาติ และชาวบ้านที่รู้จักเดินทางมาร่วมส่งวิญญาณของอาร์ตเป็นจำนวนมาก

โดยก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจ พระสงฆ์ได้สวดส่งวิญญาณของอาร์ต และได้นำร่างของอาร์ตที่อยู่ภายในโลงเวียนรอบเมรุจำนวน 3 รอบ ซึ่งก่อนที่จะมีการนำร่างเวียนรอบเมรุ ท้องฟ้ามีแดด อากาศปลอดโปร่ง แต่ทันทีที่เริ่มนำร่างของนายอาร์ตเวียนรอบเมรุ ปรากฏว่าฟ้าเริ่มครึ้มฟ้าครึ้มฝน และมีลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ จนดอกไม้จันทน์ที่อยู่บนโต๊ะหน้าเมรุปลิวกระจาย เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันเก็บ และรีบเดินวนรอบเมรุให้ครบ 3 รอบ

และทันทีนำร่างของนายอาร์ตเวียนรอบเมรุครบ 3 รอบครบ ทั้งลมและฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก จนเจ้าหน้าที่ต้องรีบนำโลงของนายอาร์ตขึ้นสู่เมรุ และชาวบ้านต้องเข้าไปหลบในศาลายังไม่สามารถทำพิธีเผาได้ เจ้าหน้าที่ต้องรอประมาณ 10 นาที ถึงฝนจะหยุด และเริ่มทำพิธีต่อ

แต่หลังจากเจ้าหน้าที่นำโลงศพของนายอาร์ตเข้าสู่เตาเผา ปรากฏว่ามีหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณหน้าเมรุ ได้เป็นลมล้มลงกับพื้น ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเอง และตาขวางคล้ายถูกผีสิงร่าง จากนั้นหญิงสาวรายนี้ได้ตะโกนเรียนว่า แม่ และวิ่งเข้าไปกอดนางชลธิชา แม่ของนายอาร์ต พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย โดยชาวบ้านที่เดินทางมางานต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากนั้นญาติบางส่วนได้เข้ามาประคองหญิงสาวคนดังกล่าวพร้อมกับพยายามถามเธอว่า "เป็นอาร์ตใช่ไหม อาร์ตใช่ไหมลูก" จากนั้นหญิงสาวได้พยักหน้า และร้องไห้กอดนางชลธิชาผู้เป็นแม่ของอาร์ตแน่น พร้อมกับบอกว่า "ผมไม่ได้อยู่กับแม่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงผมนะ" และพูดต่อว่า "ผมขอโทษมันแล้ว มันไม่ยอม" ก่อนที่นางชลธิชา จะร้องไห้และกอดหญิงสาวคนดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าเป็นดวงวิญญาณของลูกชาย และบอกว่า "ลูกไม่ต้องห่วงแม่นะ แม่จะเข้มแข็ง" จากนั้นหญิงสาว ได้บอกเป็นประโยคสุดท้ายว่า "ผมไปแล้วนะแม่" และเป็นลมหมดสติไปทันที

จากนั้นผ่านไปประมาณ 5 นาทีหญิงสาวคนดังกล่าวได้ฟื้นมีสติขึ้นมาใหม่ โดยญาติต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพยายามสอบถามว่า หญิงสาวคนนี้เป็นใครเดินทางมาจากที่ไหนเพราะทุกคนไม่รู้จักและไม่ใช่ญาติ จากนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวได้บอกว่า ตนเองรู้จักกับอาร์ต ก่อนหน้านี้เคยทำงานที่เดียวกันและเคยขายของอยู่ด้วยกัน วันนี้ตนเองทราบข่าวจึงเดินทางมาร่วมงานเผาศพ ตอนแรกตนเองก็เดินขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ ตามปกติและกำลังเดินกลับบ้านไปแล้ว แต่พอเดินไปถึงหน้าประตูทางออกวัด จู่ๆตนเองก็ไม่รู้สึกตัว และเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านร่างและเพิ่งมารู้สึกตัวเมื่อสักครู่นี้ โดยตนเองไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองและตนเองทำอะไรลงไป ยืนยัน ตนเองไม่เคยเห็นหน้าของแม่อาร์ตมาก่อนและไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าได้วิ่งไปกอดแม่อาร์ตตอนไหน ภาพสุดท้ายคือ ตอนที่ตนเองกำลังเดินทางกลับบ้าน

ส่วนเหตุผลที่ตนเองอาจจะถูกวิญญาณอาร์ตเขาสิงขอใช้ร่างเพื่อบอกลาแม่ของอาร์ตเป็นครั้งสุดท้าย อาจจะเกิดจากตนเองเคยเป็นร่างทรงมาก่อน ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ที่อาร์ตอาจจะใช้ร่างตนเองเพื่อสื่อสาร

หลังจากเสร็จสิ้นงานเผาศพ ทีมข่าวสอบถามนางชลธิชา หรือ ป้าอ๋อย อายุ 54 ปี แม่ของนายอาร์ตผู้เสียชีวิต โดยบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ตนเองเชื่อว่าลูกชายต้องการมาบอกลาตนเองเป็นครั้งสุดท้าย เพราะตนเองรู้สึกได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มพิธีฌาปนกิจศพของลูกแล้ว ทั้งฟ้าฝนที่อยู่ๆก็ตกลงมา และสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนนั้น และคิดว่าลูกคนจะห่วงตนเองมากๆ เพราะตอนที่ลูกชายมีชีวิตอยู่ เรามีกันแค่สองคนแม่ลูก ซึ่งตนเองก็อยากให้ลูกชายรับรู้ว่า ตนเองจะอยู่ให้ได้และจะเข้มแข็ง ขอให้อาร์ตไม่ต้องเป็นห่วงแม่ และแม่ก็ขออโหสิกรรมทุกอย่าง รวมถึงอโหสิกรรมให้กับตูนคนที่ฆ่าอาร์ตด้วย แม่ไม่อยากให้อาร์ตจองเวรจองกรรม หรือ ห่วงแม่อีก ขอให้ลูกของแม่ไปสบาย ถึงวันนี้แม่จะไม่มีลูกอยู่แล้ว แต่อาร์ตจะอยู่ในใจของแม่ตลอดไป


ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (30 ส.ค.) ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ก่อนตำรวจจะพาตัวไปฝากขังต่อศาล พ่อ แม่ น้องชาย และเพื่อนๆของนายตูนผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายตูนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนถูกนำตัวฝากขัง

ซึ่งจากกล้องวงจรปิดภายในโรงพักจะเห็นว่าแต่ละคนมีสีหน้าที่เศร้าหมองและผิดหวังที่นายตูนก่อเหตุฆ่าคนซ้ำเป็นศพที่ 2 แล้ว ซึ่งครอบครัวของนายตูนนั้น ส่วนใหญ่จะรับราชการ มีพ่อเคยเป็นทหาร และนายตูนก็เคยเป็นสารวัตรทหาร เพื่อนส่วนใหญ่ก็เป็นทหาร ทั้งหมดมีการเข้าไปเยี่ยมพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะทยอยเดินทางกลับ

ทีมข่าวช่อง 8 พยายามจะสอบถาม พ่อแม่และเพื่อนๆของตูน ทุกคนบอกกับทีมข่าว วันที่เข้าไปพูดคุยตามปกติ ตูนไม่ได้เครียดอะไรเท่าไหร่นัก เช่นเดียวกับหมวดไก่พ่อของตูน ที่บอกว่า วันนี้ตำรวจต้องเอาลูกชายไปฝากขัง จึงแวะมาเยี่ยมลูกครั้งสุดท้าย ลูกชายก็ปกติดี เท่าที่คุยลูกชายไม่ได้มีความเครียดอะไร นอนหลับปกติ แต่เป็นฝ่ายตนเองและครอบครัวนี่แหละที่นอนไม่หลับ เพราะ ตอนนี้ถูกชาวบ้านและสังคมบางกลุ่มพยายามจะหาว่า ตนเองหรือน้องชายของตูน (ลูกชายคนเล็ก) มีส่วนร่วมวางแผนฆ่า ซึ่งไม่จริงเลย และตนเองไม่เคยสนับสนุนให้ลูกชายใช้ความรุนแรง
ตนเองที่เข้าไปเยี่ยม ก็บอกย้ำลูกชายไปแล้ว ผิดก็ต้องยอมรับผิดแบบลูกผู้ชาย

ส่วนอาวุธปืนที่ลูกชายใช้ก่อเหตุ เป็นปืนของตูนเอง โดยตนเองเป็นคนออกเงินซื้อให้ สมัยลูกชายสอบเป็นสารวัตรทหารได้ ลูกชายเคยเป็นสารวัตรทหารอยู่ที่กรุงเทพอยู่ 5 ปี ก่อนจะมาก่อคดีฆ่าคนตาย ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกชายเสียคนก็อาจจะเพราะเป็นสารวัตรทหาร มีลูกพี่เป็นพวกนายพล ไม่มีใครกล้าทำอะไรได้ ทำให้ลูกชายอาจจะทะนงตัว เวลามีเรื่องกับใคร จึงคิดว่าตัวเองใหญ่ มีคนช่วยเหลือ แต่ลูกชายคิดผิด

หลังเกิดเหตุ เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนเองก็ได้เดินทางไปงานศพร่วมฟังพระสวดและไปขอโทษคุณแม่ของน้องอาร์ตผู้ตายแล้ว และวันนี้วันเผาก็ยืนยันจะเดินทางไปร่วมงานเผาด้วย เพราะตนเองก็เสียใจเหมือนกันที่ลูกชายไปทำร้ายคนดีๆตาย


ต่อมาเมื่อ 10.15 น. ตำรวจได้ควบคุมตัวนายตูนผู้ก่อเหตุส่งฝากขังศาลจังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างที่เจ้าหน้าที่คุมตัวนายตูนออกจากห้องควบคุมขัง ทีมข่าวพยายามสอบถามว่ามีอะไรอยากจะบอกผู้เสียชีวิตหรือไม่

จากนั้นนายตูนได้เอ่ยปากขอโทษผู้ตายกับสิ่งที่ทำลงไป บอกสั้นๆ "ผมขอโทษครับ" จำนวน 2 ครั้ง โดยในมือทีมข่าวสังเกตเห็นสมุดสวดมนต์ 1 เล่ม ซึ่งนายตูนได้ถือออกมาจากห้องขังด้วย ทีมข่าวจึงถามต่อว่า ใครนำหนังสือสวดมนต์มาให้ตูนสวด คุณพ่อใช่ไหม? ตูนพยักหน้า บอกว่า "ครับ" ซึ่งคาดว่า คุณพ่อน่าจะอยากให้ลูกชาย สวดมนต์เพื่อทำจิตใจให้สงบ ก่อนจะเข้าเรือนจำไปชดใช้กรรมที่ก่อไว้ โดยสีหน้าของตูนขณะอยู่บนรถควบคุมขัง มีสีหน้าเศร้าหมอง แววตาเศร้า

ขนลุก! เผา "อาร์ต" ถูกลูกทหารฆ่า ฟ้าถล่มฉับพลันเข้าสิงญาติ มือยิงกำบดสวดเข้าคุก