จากกรณีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2566 เวลา 20.00 น. กล้องวงจรปิดพบ ด.ญ.นิชากร หรือ น้องสโนว์ อายุ 7 ปี เดินผ่านวัดบ้านดงเค็งและเกือบโดนฝูงสุนัขภายในวัดรุมกัด แต่โชคดีพระภายในวัดได้ยินเสียงหมาเห่าจึงออกมาช่วยเหลือเด็กได้ทัน

ญาติ ยอมรับว่า น้องสโนว์มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยและชอบออกมาเดินตอนกลางคืน

ล่าสุดผู้สื่อข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่บ้านหนองฮ่าง ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี และได้ไปสอบถามนายมนัส แก้วสีดา ผู้ใหญ่บ้านบ้านฮ่าง หมู่ที่ 4 ตำบลเชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า น้องสโนว์เป็นน้องสาวของสามีน.ส.ปัทญาณี ไม่ใช่ลูกของพี่ชายแต่อย่างใด โดยน.ส.ปัทญาณี และสามี ซึ่งก็คือพี่ชายของน้องสโนว์ได้รับน้องสโนว์ไปเลี้ยงดูได้หลายเดือนแล้ว เนื่องจากว่าอยู่ที่นี่ น้องสโนว์จะมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย และไม่ได้ค่อยได้เรียนหนังสือ อีกทั้งน้องจะมีพฤติกรรมชอบเดินตามถนนในช่วงกลางคืน

ซึ่งตนเองมองว่าเป็นเรื่องดีที่ทางน.ส.ปัทญาณี และสามีรับน้องสโนว์ไปเลี้ยงดู เพราะเด็กจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะหากถ้าน้องอยู่ที่บ้านกับพ่อตนเองก็ไม่รู้ว่าน้องสโนว์จะโตมาเป็นแบบไหนเพราะยอมรับว่าพ่อของน้องใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว

ส่วนเรื่องที่พี่สะใภ้และพี่ชายตี ตนเองมองว่าเป็นการตีสั่งสอนมากกว่าจะเป็นการตีแบบทำร้ายร่างกาย สำหรับเรื่องที่น้องหนีออกจากบ้านและอ้างว่าจะมาหาพ่อซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกันแต่คิดว่าอาจจะถูกทางพี่สะใภ้และพี่ชายบังคับหรืออบรมสั่งสอนจึงทำให้น้องอยากกลับมาหาพ่อในเวลานั้นมากกว่าเพราะเด็กเวลาอยู่กับใครที่ไม่ดุไม่ด่าก็จะอยากกลับไปหาคนนั้นเหมือนหลานตนเอง

ญาติน้องสโนว์ตีเพราะรัก หวังให้ได้ดี ไม่อยากให้เด็กอยู่กับพ่อ

ต่อมาทีมข่าว ช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านของพ่อน้องสโนว์ ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวยังสร้างไม่เสร็จซึ่งพบว่าพ่อของน้องสโนว์ไม่ได้อยู่ที่บ้าน โดยญาติให้ข้อมูลว่าพ่ออยู่ที่ทุ่งนายังไม่กลับบ้าน ซึ่งไม่รู้จะกลับตอนไหน

เราจึงได้คุยกับนางคำพันธ์ ไกลโหล อายุ 61 ปี ญาติ เปิดเผยว่า หลังจากที่แม่ของน้องสโนว์เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน พ่อของน้องสโนว์ก็กินแต่เหล้า ทำให้ไม่มีใครคอยน้องสโนว์ ทำให้มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยและมีพฤติกรรมชอบออกมาเดินเล่นข้างนอกตอนกลางคืน และชอบไปคุ้ยเขี่ยขยะหาอสหารกิน

ส่วนพ่อของน้องสโนว์ก็ยอมรับว่าไม่เคยตีหรือทำร้ายลูก จะเลี้ยงดูลูกแบบสบายๆ ไปจนถึงขั้นปล่อยปะละเลย

ก่อนหน้านั้นน้องก็จะไปอาศัยนอนอยู่ที่วัดกับพระพี่ชายหรือบางครั้งก็จะมานอนกับพ่อที่บ้านจนกระทั่งตนเห็นว่าหลานเริ่มโตแล้วจึงอยากให้ทางพี่ชายและพี่สะใภ้มารับไปเลี้ยงดู

หลังจากนั้นตนเองจึงได้บอกให้พี่ชายของน้องสโนว์มารับน้องไปเลี้ยงดู ซึ่งตนเองมองว่าเป็นการตีสั่งสอนมากกว่า เพราะอยากให้น้องเป็นคนดี ซึ่งอาจจะทำให้น้องสโนว์ที่เป็นเด็กยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พี่ชายและพี่สะใภ้ทำคือการสั่งสอนจึงอยากจะหนีมาอยู่กับพ่อ ตนเองก็เคยเตือนให้อบรมสั่งสอนอย่าไปตีหรือลงไม้ลงมือซึ่งทาง น.ส.ปัทญาณี โลแพทย์ และสามีก็รับปากว่าจะไม่ตี

ส่วนเรื่องที่ทั้งสองตีน้องสโนว์ ตนเองก็มองว่าเป็นแค่การสั่งสอนเท่านั้นซึ่งตนเองไม่โกรธเพราะรู้จักนิสัยน้องสโนว์ดีว่าเป็นยังไง

 

หวิดซวย! อาดูแลเด็กพ่อทิ้งถูกแฉชอบตี เจอชาวบ้านแฉหนูน้อยสุดจี๊ด หนีฝูงหมาใส่ร้าย