ข้าวสารขึ้นราคา แม่ค้าโอด กระทบต้นทุนร้านอาหารตามสั่ง-ลูกค้า วอนรัฐช่วยคุมราคา ยันยังไม่ปรับเพิ่มราคาขาย เห็นใจลูกค้า

จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลราคาข้าวให้เกิดความสมดุล หลังเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงจากเอลนีโญ และการระงับการส่งออกข้าวของอินเดีย ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยปัจจุบันราคาข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละกว่า 12,000 บาท

วันที่ 9 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี เพื่อพูดคุยกับผู้ประกอบการร้านอาหาร ถึงผลกระทบจากราคาข้าวที่เพิ่มขึ้น โดยได้พูดคุยกับ น.ส.ปริยา เลี่ยวเจริญ เจ้าของร้านอาหารตามสั่งใน ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง ก่อนจะได้รับการเปิดเผยว่า ตนเปิดร้านขายอาหารตามสั่งมาแล้วประมาณ 6 ปี โดยเปิดเป็นร้านเล็กๆ บนที่ดินของตัวเอง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนในละแวกชุมชน จึงตั้งราคาขายได้ไม่มาก หากเป็นแบบราดข้าวอยู่ที่จานละ 30 บาท แต่หากสั่งเป็นกับข้าวจะอยู่ที่เมนูละ 40 – 50 บาท 

ซึ่งในแต่ละเดือน ตนจะต้องซื้อข้าวสายพันธุ์เหลืออ่อนขนาด 15 กิโลกรัม จำนวน 2 กระสอบ เพื่อขายให้ลูกค้าและกินเองในครัวเรือน โดยราคาจำหน่ายเมื่อเดือน ก.ค. อยู่ที่กระสอบละ 320 บาท แต่ล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ราคาขายได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอีกกระสอบละ 35 บาท รวมเป็น 355 บาท หรือตกกิโลกรัมละ 2 บาท เมื่อนำมาคิดรวมกับต้นทุนอื่น ๆ ที่ต่างทยอยปรับราคาขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นแก๊สหุงต้ม น้ำมันพืช น้ำตาล เครื่องปรุงรส วัตถุดิบอย่างอาหารทะเล  และไข่ไก่ ตลอดจนผัก อาทิ คะน้า ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว ผักชี และมะเขือเปราะ จึงทำให้ต้นทุนอาหารแต่ละจานเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยกว่าร้อยละ 10-20

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้ว ตนยังคงตัดสินใจขายข้าวในราคาเดิม แม้จะทำให้รายได้ลดลง เนื่องจากเห็นใจลูกค้า แต่อยากวอนให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณาควบคุมราคาข้าวสารอย่าให้สูงไปมากกว่านี้ เพราะสุดท้ายแล้วหากร้านค้าไม่สามารถทนแบกรับต้นทุนได้ไหว ความเดือดร้อนนี้ก็จะตกไปอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างแน่นอน