ชายนั่งวีลแชร์ ใช้ความพยายามไถรถขึ้นทางเท้า ฉกรองเท้าราคาแพงหน้าร้านโทรศัพท์ใน จ.พระนครศรีอยุธยา

กล้องวงจรปิดของวันที่ 9 กรกฎาคม 2566 เวลา 17.45 น. บันทึกภาพชายคนร้ายเป็นคนพิกานั่งรถวีลแชร์ ลักษณะใช้เท้าเข็นรถวีลแชร์ถอยหลังผ่านมาตามถนน นเรศวร จากนั้นเข็นผ่านหน้าร้านไอฟิกโฟน ซึ่งขายและซ่อมอุปกรณ์มือถือ ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้น คนร้ายน่าจะสังเกตเห็นชั้นวางรองเท้าบริเวณหน้าร้านจึงเข็นรถวีลแชร์ย้อนกลับ จากนั้นพยายามยกรถวีลแชร์ขึ้นทางเท้า พยายามมองและเลือกรองเท้าจนได้คู่ที่ถูกใจจึงฉวยโอกาส ขโมยรองเท้าราคาแพงที่เจ้าของถอดไว้หน้าร้าน ซุกไว้ข้างรถวีลแชร์ จากนั้นก็รีบเข็นหลบหนีไป

วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางสาวอมรรัตน์ อายุ 41 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวาน ตอนเย็น รองเท้าที่หายไปเป็นร้องเท้าของแฟนตนเอง ยี่ห้อ keen สีรุ้ง หายไป ซื้อมาในราคา 4,800 บาท ตอนนั้นแฟนกำลังจะออกไปธุระ แต่เมื่อออกมาหน้าร้าน ก็พบว่ารองเท้าหายไป ทีแรกก็เข้าใจว่าลูกค้าอาจจะใส่สลับไป แต่ก็เอะใจ เนื่องจากไม่มีรองเท้าคู่อื่นวางสลับเปลี่ยนไว้ จึงไปเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นคนร้ายเป็นชายพิการ นั่งรถวีลแชร์เข็นรถผ่านหน้าร้าน จากนั้นย้อนกลับมาขโมยรองเท้าของแฟนตัวเองไป ซึ่งตอนแรกเห็นเป็นคนพิการก็คิดสงสาร แต่ได้พูดคุยกับคนขายของด้วยกัน ก็พบว่าชายคนดังกล่าวชอบลักเล็กขโมยน้อย สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ตนเองคิดว่าต้องแจ้งความเอาผิดให้เป็นเยี่ยงอย่างจะได้ไม่ไปก่อเหตุที่อื่นอีก

ตนเองจึงได้นำคลิปกล้องวงจรปิด เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุขโมยรองเท้ามาดำเนินคดีตามกฎหมาย



ด้านแม่ค้าขายน้ำ วัย 31 ปี เล่าว่า ตนเองจะเห็นชายคนพิการเข็นรถวีลแชร์ผ่านหน้าร้านประจำ และมักจะเข้ามาขอน้ำกิน ด้วยความสงสารก็จะให้น้ำกินเป็นประจำ จนกระทั่งมาช่วงหลังๆ แม่ของตนเองบอกว่า ไม่ให้น้ำชายคนดังกล่าว เนื่องจากเป็นคนนิสัยไม่ดีชอบลักเล็กขโมยน้อย และก็จะมักชอบด่าคนอื่นเป็นประจำเมื่อเดินผ่าน ซึ่งตนเองไม่คิดว่าคนพิการขนาดจะต้องนั่งวีลแชร์ยังมาก่อเหตุขโมยรองเท้าของคนอื่นไปอีก

เวลาต่อมา 10.00 น. พ.ต.ท.กันตภณ ธนาธิปปิ่นสกุล รอง ผกก.สส.สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนออกขยายผล ออกหาตัวคนร้ายจนกระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายสายชล อายุ 55 ปี จึงนำกำลังไปตรวจค้นที่บ้าน ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



พบตัวนายสายชล จึงนำตัวไปค้นหาของกลาง พบว่านำรองเท้าไปซุกซ่อนอยู่ภายในห้องนอน จึงตรวจยึดและนำตัวกลับมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา แต่การควบคุมตัวและนำตัวขึ้นรถเป็นไปด้วยความยากลำบาก และเป็นซอยแคบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงช่วยกันเข็นและประคองกันมาขึ้นรถ

ด้านนายสายชล ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่า ได้ไปขโมยรองเท้ามาจริงโดยอ้างว่าอยากได้รองเท้า เพราะมันสวยดี และจะนำเอามาใส่เองโดยไม่ได้คิดที่จะไปขายต่อให้ใคร พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ผู้อื่น