"วิษณุ" แจงข้อกฎหมาย คนที่ถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่สามารถเสนอชื่อโหวตเป็นนายกฯได้ ชี้ ประธานสภาฯ เสนอใคร ต้องรับผิดชอบ

วันที่ 13 มิ.ย. 2566 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึง กรณีผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถูกฟ้องร้องมีคดีความอยู่ และในขณะนั้นมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ การโหวตนายกรัฐมนตรี โดยศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ มีขั้นตอนกฎหมายใดที่ขัดขวางไม่ให้นำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ หรือไม่ว่า ปกติการแต่งตั้งตำแหน่งใดก็ตาม เป็นพระราชอำนาจ โดยกรณีแต่งตั้งข้าราชการประจำ ผู้พิพากษาอัยการอธิบดี หรือแม้แต่ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ได้มีข้อตกลงกับสำนักพระราชวังมา 2-3 ปีแล้วว่า ให้เข้มงวดกวดขัน ถ้ามี ก็ให้กราบบังคมทูลขึ้นไปว่า มีเหตุแบบนี้อยู่ แล้วจะโปรดเกล้าฯ อย่างไร ก็แล้วแต่ ซึ่งในกรณีของนายกรัฐมนตรี ก็ใช้หลักเดียวกัน พร้อมย้ำว่า เมื่อโปรดเกล้าฯ ก็เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ก็ไม่ต้องสงสัยอะไร แต่ต้องกราบบังคมทูลขึ้นไปว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้ที่รับผิดชอบ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คือผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ก็คือประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการรับสนองก็คือการรับผิดชอบแทน

พร้อมยกตัวอย่างในอดีต สภาฯ โหวต พลอากาศเอกสมบูรณ์ ระหงษ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในขณะนั้นนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาฯ เป็นคนเสนอชื่อนายอานันท์ ปัญญาชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น นายอาทิตย์ก็ต้องรับผิดชอบไป ทั้งนี้ เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีวาระการโหวตนายกฯ ประธานสภาฯ ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้ากล้าเปิดให้มีการโหวต นายวิษณุกล่าวว่าประธานสภาฯ ก็ต้องดูแลให้ถูกต้อง ให้ดี จะเบรกอะไรก็เบรกในชั้นประธาน

ส่วนกรณีมีใครถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ชื่อคนนั้นจะนำไปเสนอโหวตเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ นายวิษณุ ยืนยันว่า “ไม่ได้” แม้คดีจะยังไม่สิ้นสุด เพราะถือว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว ก็เข้าไปทำหน้าที่ไม่ได้ แล้วจะไปตั้งทำไม เมื่อมีการทำย้ำว่าครั้งที่แล้ว นายนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เหตุใดจึงมีการเสนอชื่อเข้าไปได้ นายวิษณุ กล่าว ตนเข้าใจว่า โหวตเลือกนายกไปแล้ว 2 วัน จึงถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2 สมัย

ซึ่ง นายวิษณุ ยังกล่าวอีกว่า ปกติศาลจะไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะเร็วเกินไป ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ส่วนถ้า กกต. จะฟ้อง ม.151 ศาลอาญาก็ต้องใช้เวลาพิเคราะห์นานพอสมควร ทั้งนี้ หากเรื่องอยู่ในศาลอาญาส่วนใหญ่ก็จะไม่มีการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ ม.151 เป็นที่มาของทุกเรื่อง ถือว่าถูกต้องแล้ว ที่ดรอปเรื่องอื่นให้หมด แล้วเหลือ ม.151 เพราะถ้าใช้มาตรานี้ ผลที่ออกมาจะครอบคลุมทั้งหมด แต่ใช้เวลานาน

ส่วนกรณี ส.ส. เข้าชื่อ 50 คน สามารถนำ ม.151 ไป ยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้ใช้ ม.151 แต่ใช้ ม.82 ซึ่งถ้าฝั่ง สว.จะยื่นก็ใช้ 25 คน รวมถึง กกต. ก็ยื่นสิบได้เช่นกัน เพราะเวลาตั้งข้อหาก็ตั้งไม่เหมือนกัน และการยื่นนี้ ต้องมีประธานสภาก่อน แต่จะยื่นผ่านประธานวุฒิสภาก็ได้

เมื่อถามว่า การที่กก.จะฟ้องใครด้วยความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง.. มาตรา 151 จะฟ้องช่องทางใด นายวิษณุ กล่าวว่า ตามมาตราดังกล่าวต้องไปช่องทางศาลอาญา และไม่มีขั้นตอนการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่มาตรา 151 เป็นที่มาของทุกเรื่อง ถูกต้องแล้วที่ไม่รับเรื่องอื่น เพราะเมื่อ 151 ออกมาแล้วคุมหมดทุกอย่าง แต่กระบวนการนี้ใช้เวลานานเพราะใช้กระบวนการยุติธรรมปกติ