สันธนะ เชื่อไม่มีนายกฯ ชื่อพิธา ชี้ภายนอกดูดี แต่การเมืองดูแค่หน้าตาไม่ได้ แย้มมีหัวหน้าพรรคอื่นที่เหมาะสม ระบุก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้ยาก บอกมาก่อนกาล ขอให้รอเวลา

3 มิ.ย. 66 นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองรองผู้กำกับการสันติบาล กล่าวถึงพรรคก้าวไกล ว่ามีความแค้นอะไรหรือไม่ เพราะการให้สัมภาษณ์ช่วงหลังจะโจมตีเสียส่วนใหญ่ ว่า ตนอยากให้เข้าใจว่าเป็นคำแนะนำ ถ้าจะบอกว่าตักเตือนหรือไม่ อาจจะเป็นว่าตนเป็นรุ่นใหญ่ แต่ความคิดทางการเมืองนั้นไม่มีรุ่น ส่วนการจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกลจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ตนมองว่า ผ่านยาก เพราะการเมืองต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ชนะเลือกตั้งมาแล้ว แต่ระบบประชาธิปไตยของประเทศไทยหากเป็นเหมือนในหลายประเทศที่พัฒนาเรื่องระบบการเมืองคงไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลแต่ประเทศไทยก็เป็นอย่างที่ทราบ ไม่ใช่ว่าจะมาแข่งขันหลังจากชนะเลือกตั้ง มีส.ส. จำนวนมากกว่าพรรคอื่น จะสามารถทำอะไรกับบ้านนี้ประเทศนี้ได้ เพราะยังมีอำนาจพิเศษอีกหลายเรื่อง ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องทำความเข้าใจสำหรับพรรคก้าวไกลขณะนี้ยังติดล็อกในการจัดตั้งรัฐบาล คือ การเตรียมความพร้อมของพรรค ถ้าหากพร้อมจริงวันนี้ต้องเซ็ตลงตัวกันแล้ว การพูดว่าพร้อมแต่ในทางปฎิบัติ ในโครงสร้างพรรคยังไม่ได้เตรียมไว้ ขณะที่ประชาชนคอยเพียงว่าเมื่อสามารถช่วยกันสนับสนุนพรรคก้าวไกลและสามารถชนะเป็นอันดับ 1 สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่หน้าตาของรัฐบาลชุดนี้ยังไม่ได้เห็น ดังนั้นหากพูดว่าพร้อมก็สามารถพูดได้บนเวทีปราศรัย แต่ความเป็นจริงในปัจจุบันพรรคก้าวไกลไม่พร้อม

เมื่อถามว่า เมื่อความไม่พร้อมของพรรคก้าวไกล จะมีโอกาสได้เห็นพรรคอันดับ2 จัดตั้งแทนหรือไม่ นายสันธนะ กล่าวว่า ทุกพรรคการเมือง และประเทศนี้มีเจ้าของ ต้องไปคุยกับเจ้าของพรรค กระทั่งพรรคก้าวไกลเอง จะบอกว่าไม่มีเจ้าของ เป็นพรรคของประชาชน ตนมองว่าอย่าก้าวไปแล้วโกหกไปดีกว่า เพราะต่างมีเจ้าของทั้งนั้น ส่วนพรรคที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น มองว่าคงเป็นพรรคอันดับ 2-3 ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลนี้ จะทำให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านหรือไม่นั้น ตนมองว่าหากเขารวมกันคงไม่เอาพรรคก้าวไกลมาวางเป็นตัวเล่นด้วย และพรรคก้าวไกลเองก็ควรประกาศว่าตัวเองพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นบทบาทที่ควรทำหน้าที่มากที่สุดในช่วงเวลานี้

“การรวมตัวทุกวันนี้ ยังไม่เห็นหน้าตาของพรรคก้าวไกลที่พร้อมจะเป็นฝ่ายบริหาร ยกเว้นนายพิธา คนเดียว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพร้อมทั้งหมด ภายนอกดูดี แต่การเมืองดูแค่หน้าตาไม่ได้ ต้องหยั่งลึกเข้าไปในใจของนักการเมืองพรรคอื่นเขาด้วย”

เมื่อถามว่า ถ้าให้คิดเป็นเปอร์เซนต์ โอกาสมีนายกฯ ชื่อพิธา จะมีแค่ไหน กล่าวว่า ตนเห็นว่าวันนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และเชื่อว่าจะไม่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ พิธา ตนจึงบอกพวกเขาให้หยุด และพรรคก้าวไกลต้องก้าวไปข้างหน้า โดยขอให้อยู่เฉยๆ รอเวลา เพราะพวกคุณมาก่อนกาลเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ แต่อย่างไรก็ตามเวลาไม่ได้หยุดอยู่กับที่เวลาต้องเดินต่อไป พวกคุณจึงควรหยุดแล้วเวลาจะมาหาคุณเอง ซึ่งหมายถึงการสั่งสมประสบการณ์และการเลือกตั้งใหม่ เพราะขณะนี้กำลังดันทุรังสูง พากันไปสู่จุดจบ ไม่ว่าจะเป็นนายพิธา ที่กำลังพาไปสู้จุดจบ ถ้าให้เขาอยู่เฉยๆ เชื่อว่ามีโอกาส เชื่อว่าจะใช้เวลาเพียง 1-2 ปี ไม่ต้องรอถึง 4 ปี แต่วันนี้กลับผลักเขาและตรงที่เขายืนข้างหน้าเป็นเหวแล้วหากยังเดินต่อไปตนเชื่อว่าจะไม่สำเร็จอย่างแน่นอน ส่วนบุคคลใดเหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีนักการเมือง พรรคที่เหลือต่างจ้องจะเสียบทั้งนั้น แต่มารยาทและความเป็นมืออาชีพของพวกเขา ต้องพูดให้ดูดี ตามภาษาของนักการเมือง

ส่วนจะมีโอกาสไหมที่จะมีนายกรัฐมนตรีชื่อแพทองธาร ชินวัตร หรือจะเป็นคนหน้าเดิม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายสันธนะ มองว่า ทั้ง 2 ชื่อมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยแน่ แต่ไม่ใช่วันนี้หรือปีนี้ เพราะมีคนที่พร้อมที่จะทำหน้าที่นายกฯ และมีประสบการณ์ วันนี้เราต้องให้คนที่พร้อมทั้งเรื่องประสบการณ์ ความเหมาะสม และสังคมปัจจุบัน โดยคนที่มีความพร้อมจะเป็นพรรคการเมืองที่เหลือ เป็นหัวหน้าพรรคแต่ละพรรค ในอันดับรองๆ ลงมา เชื่อว่ามีความพร้อม ทั้งนี้ใช่ไม่ตนเชียร์เขาเพื่อจะสนับสนุนเขา แต่วันนี้ทางเริ่มตีบตัน จึงบอกว่าคนในพรรคก้าวไกลที่เป็นกระบอกโปลิตบูโรและ และการที่พูดอยู่ทุกวันว่านายกรัฐมนตรีจะต้องชื่อนี้ เป็นการไปจำกัดพื้นที่จำกัดแล้วคนมองเห็นอะไรหรือไม่ เพราะนี่คือการเมือง หากอยู่ในการเมืองจริงและเข้าใจการเมืองจริง วันนี้จะต้องฉุกคิดแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีเคยสัญญาอะไรกับคุณพิธานั้น นายสันธนะ กล่าวว่า คำสัญญานั้น ตนไม่ชอบพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิด ตนพูดเฉพาะตามศักยภาพของตนที่จะทำให้ได้ ตามที่ได้บอกไป