เด็ก 3 ขวบตายเปลือยในบ่อน้ำ พิรุธเก๋งบรอนซ์วนหน้าบ้าน พ่อเชื่อถูกอุ้ม

จากกรณีพ่อของน้องณาดา อายุ 3 ขวบ 11 เดือน ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ตันหยง จ.นราธิวาส ขอให้ช่วยติดตามเบาะแสลูกสาวหายตัวไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 16.00 น. โดยพ่อบอกว่า ได้ขายข้าวเกรียบ (กรือโป๊ะ) อยู่ที่ร้านใน อ.เมือง จ.นราธิวาส ตอนนั้นลูกสาวเล่นอยู่บริเวณหน้าร้าน ต่อมาตนเองได้ออกจากร้านไปแลกเงินทอนให้ลูกค้า พอกลับมาพบว่าลูกสาวหายไป สอบถามญาติและบ้านข้างเคียงแล้ว ไม่มีใครพบเห็น

กระทั่งล่าสุดเมื่อช่วง 09.45 น. เช้าวันนี้ (16 พ.ค.) ได้เจอตัวน้องณาดาแล้ว โดยมีชาวบ้านไปพบน้องเสียชีวิตอยู่ภายในป่า ซึ่งชาวบ้านที่เป็นคนเจอคนแรก เล่าว่า ตนเองกำลังเลี้ยงวัวแถวนั้น ระหว่างนั้นได้เหลือบไปเจอศพลอยอยู่ในน้ำ เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่า เป็นร่างของเด็กหญิง จึงได้รีบไปตามพ่อของเด็กว่าใช่น้องณาดาที่หายตัวไปหรือไม่ ปรากฏว่า เป็นน้องณาดาจริงโดยจมน้ำอยู่ในบึง ห่างจากบ้านประมาณ 650 เมตร

ตำรวจพร้อมแพทย์จึงลงพื้นที่ตรวจสอบว่า น้องเดินจากบ้านและจมน้ำเสียชีวิตเอง หรื มีคนลักพาตัวไปฆาตกรรม เนื่องจากหลังจากพบศพชาวบ้านจำนวนกว่า 300 คน ได้เดินทางไปดูสภาพศพของน้อง และพบว่าน้องเสียชีวิตอยู่ในสภาพสวมเสื้อผ้าสีฟ้า แต่ไม่ได้สวมผ้าอ้อมสำเร็จรูป

โดยไปพบผ้าอ้อมสำเร็จรูปและกางเกงของน้องถูกทิ้งอยู่ใต้ต้นไม้ห่ างจากจุดพบศพประมาณ 30 เมตร บริเวณใต้ต้นไม้ยังมีร่องรอยการเหยียบย่ำไปทั่วบริเวณ ซึ่งแม่กับพ่อของน้องยืนยันว่า น้องถอดผ้าอ้อมเองไม่ได้ นอกจากนี้ ยังพบรองเท้าแตะสีครีมของน้องทั้งสองข้าง ถูกวางอยู่ริมร่องน้ำห่างจากจุดพบศพประมาณ 4 เมตร เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเมตตาธรรมได้นำศพส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดก่อนจะเกิดเหตุ ซึ่งจากคำให้การของพ่อเด็กบอกว่า ก่อนที่น้องณาดาจะหาย ย่าของน้องได้ขับรถเก๋งออกจากร้านไปในเวลา 16.07 น. ซึ่งจะเห็นรถเก๋งของย่าขับออกไป โดยขณะนั้นย่าของน้องณาดา ได้ขับรถไปส่งลูกชายอีกคนที่ จ.ยะลา ซึ่งขณะนั้น น้องณาดายังอยู่ในร้าน

กระทั่งเวลา 16.13 น. จะเห็นรถเก๋งฮอนด้าสีบรอนซ์ ขับมาจอดซื้อข้าวเกรียบที่ร้าน ช่วงเวลาตั้งแต่ 16.13 - 16.16 น. คาดว่าเป็นช่วงเวลาที่น้องณาดาหายตัว ซึ่งพ่อของน้องจะวิ่งออกมาแลกเงินเพื่อทอนให้กับคนขับรถเก๋งที่มาซื้อข้าวเกรียบ โดยทิ้งน้องณาดาอยู่ในร้าน

จากนั้นเมื่อพ่อน้องทอนเงินให้คนซื้อข้าวเกรียบเสร็จ เมื่อรถเก๋งได้ขับออกไป ในเวลา 16.13 น. และลูกค้าคนอื่นๆ ได้เดินเข้ามาซื้อข้าวเกรียบอีก ซึ่งพ่อน้องเห็นว่า น้องไม่ได้ขึ้นรถเก๋งไปด้วย และมาขายข้าวเกรียบให้ลูกค้าอีกคน โดยขณะนั้นพ่อเริ่มรู้แล้วว่าลูกสาวหาย และได้เดินมาหาที่ร้านค้า รอบที่ 1

กระทั่งเวลา 16.16 น. พ่อน้องณาดา ได้เดินออกจากร้านเพื่อตามหาลูกสาวรอบที่ 2 หลังขายของให้ลูกค้าเสร็จแล้ว โดยเจ้าตัวได้เดินไปถามเพื่อนบ้าน แม่ค้าร้านน้ำว่าเห็นลูกสาวไหม ก่อนจะเดินไปหาที่อื่นต่อ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับนายดำ ซึ่งเป็นคนที่ป่วยทางจิต ต้องสงสัย เดินข้ามถนนมายังร้านค้าและไปแลกเงินกับแม่ค้า ก่อนที่นายดำจะเดินข้ามถนนกลับออกมา ซึ่งไม่ได้พาเด็กไปด้วยในเวลา 16.18 น. ทำให้ตำรวจตัดนายดำทิ้งออกจากผู้ต้องสงสัยไป

โดยช่วงเวลาที่น้องณาดาหาย คาดว่าเป็นช่วงตั้งแต่ 16.13 - 16.16 น. 3 นาทีนี้ หรือไม่

ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปดูจุดที่พบศพ และใช้โดรนบินสำรวจพื้นที่ พบว่า บริเวณที่พบศพเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากบ้านของน้องประมาณ 650 เมตร หากเดินเท้าทีมข่าวจะใช้เวลาเดินประมาณ 8 นาที

โดยน้ำในบ่อลึกประมาณ 1.5 เมตร ส่วนรองเท้าของน้องอยู่ที่ร่องน้ำอีกฝั่งห่างจากศพประมาณ 4 เมตร กางเกงและผ้าอ้อมสำเร็จรูปอยู่ห่างจากศพประมาณ 30 เมตร จากการเดินสำรวจของทีมข่าว เด็กวัย 3 ขวบไม่สามารถเดินข้ามร่องน้ำไปยังจุดที่พบกางเกงและผ้าอ้อมได้ เนื่องจากต้องเดินข้ามสะพานไม้เพื่อข้ามร่องน้ำ ส่วนพื้นที่โดยรอบพบว่า แทบจะไม่มีบ้านคนอยู่ หากเด็กร้องก็คงไม่มีใครได้ยิน

นายสาแลพะ คนเลี้ยงวัวที่พบศพน้องณาดาเป็นคนแรก เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากที่ตนเองนำวัวมาเลี้ยงที่บริเวณทุ่วหญ้า ได้ไปพบศพเด็กหญิงลอยอยู่ในแอ่งน้ำ จึงได้วิ่งไปบอกพ่อของเด็ก ถามว่า เป็นลูกสาวที่หายตัวไปหรือไม่ เมื่อพ่อมาดูจึงพบว่าเป็นลูกสาวที่หายไปจริงๆ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

ส่วนเด็ก ตนเองคิดว่า ไม่น่าจะเดินมาเองได้ และเชื่อว่า มีคนลักพาตัวเด็กมา เนื่องจากที่ผ่านมา ตนเองมักเอาวัวมาเลี้ยงบริเวณนี้ประจำ ไม่เคยเห็นน้องณาดาเดินมาเล่นแถวนี้เลยด้วยซ้ำ และจุดนี้ก็อยู่ห่างจากบ้านของน้องไกล ต้องผ่านร่องน้ำ และทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ รวมถึงจุดที่พบศพกับพบรองเท้าและกางเกงจะต้องเดินเข้าสะพานไม้ เพื่อข้ามร่องน้ำอีก จึงคิดว่า เป็นไปแทบไม่ได้ที่เด็กจะเดินเข้าสะพานไม้ได้ ต้องมีคนร้ายอุ้มน้องไปแน่ๆ

และ 2 วันก่อนฝนตกทั้ง 2 วัน หากเด็กเดินไปเองจริง ร้องเท้าของน้องทำไม่มีโคลนติดเลย สะอาดมาก ซึ่งเชื่อว่า คนร้ายอุ้มมาแน่นอน

ขณะที่พ่อของเด็กเชื่อว่า คนร้ายน่าจะอุ้มลูกสาวไปขณะตนเองวิ่งไปแลกเงินข้างร้าน ส่วนเส้นทางที่คนร้ายลักพาตัวน้องไป เชื่อว่าคนร้ายได้วิ่งออกทางประตูหลังร้านมากกว่าประตูหน้า เนื่องจากประตูหน้าร้านคนเดินผ่านเยอะ แต่ประตูหลังร้าน ซึ่งตนเองได้เปิดทิ้งไว้ มีเพียงบ้านคนเพียง 1 หลังอยู่เท่านั้น ซึ่งหากคนร้ายอุ้มเด็กไปหลังบ้าน ก็แทบจะไม่มีใครเห็นหรือได้ยินเสียงน้องร้องเลยด้วยซ้ำ

ซึ่งปกติน้องจะถอดผ้าอ้อมเองไม่ได้ ตนเองต้องถอดให้ตลอด ที่ผ่านมาเคยฝึกให้ลูกทำเองแต่ลูกก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ รวมถึงลูกสาวคงไม่เดินไปออกจากบ้านไปไกลด้วยตนเองอยู่แล้ว และไม่เคยไปที่แหล่งน้ำ ขนาดพาลูกสาวไปทะเล ลูกยังไม่กล้าลงไปเล่นเลยด้วยซ้ำ ซึ่งตนเองอยากให้ตำรวจตามหาคนร้ายมาลงโทษให้ได้

ขณะที่ พ.ต.อ.มะตาฮา มูหนะ ผกก.สภ.ตันหยง ซึ่งวันนี้ได้ลงพื้นที่ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ตันหยง และชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนราธิวาส เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย เปิดเผยว่า ตนเองเชื่อว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่เด็กจะเดินออกจากบ้านมาด้วยตนเอง เพราะเส้นทางเป็นป่าและมีร่องน้ำ ประกอบกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุทั้งกางเกง ผ้าอ้อม และรองเท้าแตะก็อยู่กระจายกันคนละทิศกับจุดพบศพ เชื่อว่า คดีนี้อาจมีคนร้ายอุ้มลักพาตัวเด็กมาจริงๆ ส่วนจะอุ้มโยนทิ้งน้ำหรืออุ้มมากระทำเรื่องไม่ดีนั้น ขณะนี้ได้ส่งศพของเด็กไปชันสูตรแล้ว คาดว่าน่าจะได้ผลภายในเร็วๆ นี้ พร้อมสั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสของคนร้ายโดยด่วนแล้ว

มีคนอุ้มเด็กไปฆ่า