ตำรวจนครบาลจับยกแก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์ขายประเทศเพื่อนบ้าน ในพื้นที่ย่านฝั่งธนบุรีและย่านคลองตัน พบมีประวัติก่อเหตุมาอย่างโชกโชน

พลตำรวจตรี นิตินันท์ เพชรบรม และพลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุมเครือข่ายแก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์2 เครือข่ายย่านฝั่งธนบุรีและย่านพระราม 9

โดยคดีแรกเป็นการจับกุมของสน. คลองตัน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 4 คนเป็นชาย 3 คนและหญิง 1 คน พร้อมของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจำนวน 4 คัน

 

 

คดีดังกล่าวเริ่มจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ช่วงประมาณ ตี 1 ครึ่ง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสนคลองตันได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าถูกขโมยรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ซอยสุขุมวิท 65 แขวงพระนครเหนือเขตวัฒนา ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจากภาพของกล้องวงจรปิดตามโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาย 2 คนเข้ามาก่อเหตุก่อนจะมุ่งหน้าไปตามถนนพัฒนาการและเข้าไปที่หมู่บ้านเสรี 5 แยก 10 เขตสวนหลวง จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบยังจุดดังกล่าวพบของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ที่แจ้งหายไว้นอกจากนี้ยังพบกลุ่มคนกำลังช่วยกันยกรถจักรยานยนต์อีกหลายคันขึ้นรถกระบะแบบมีข้อกั้นพร้อมผ้าใบคลุมจึงแสดงตัวและเข้าตรวจค้นพบรถจักรยานยนต์ที่ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนจำนวนดังกล่าว และจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนคือนางสาวจันทร์เพ็ญ, นายยงยุทธ, และนายณัฐพล จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน

 

 

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่า ได้รับซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งถูกขโมยมาจากฝีมือของนายอาร์มและนายชญานิน ในราคาถูกกว่าท้องตลาด ก่อนจะนำไปส่งขายที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน หรือบางครั้งก็จะปล่อยขายในกลุ่มรับซื้อขายรถจักรยานยนต์และเพจขนส่งต่างๆ โดยจะแบ่งงานกันทำตั้งแต่การเป็นนายหน้ารับรถและคนเปลี่ยนเบ้ากุญแจ โดยจะได้ค่าตอบแทนเรื่องการขนส่งคันละ 3,000 บาท โดยก่อเหตุมาแล้วได้ประมาณ 5-6 เดือนและในช่วง 1 สัปดาห์จะมีรถเข้ามารับของสัปดาห์ละ 2 ครั้งโดยแต่ละครั้งจะส่งรถจักรยานยนต์ออกไปประมาณ 3-5 คัน อีกทั้งจากการสอบปากคำยังพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก 1 คนที่ทำหน้าที่เปลี่ยนเบ้ากุญแจเพื่อให้การดัดแปลงส่งขายได้ราคายิ่งขึ้น จึงนำกำลังไปจับกุมนายธีรยุทธ พร้อมแจ้งข้อหากับทุกคนในแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และรับของโจร

จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้งหมดพบว่าเป็นเครือข่ายแก๊งบึงพระราม 9 เฉพาะนางสาวจันทร์เพ็ญพบประวัติเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาแล้ว 3 ครั้งตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2563 ทั้งนี้ยังมีพฤติการณ์รับฝากรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาในแต่ละพื้นที่บริเวณจุดรกร้างใกล้บ้านพักของตนเอง โดยจัดเก็บค่าฝากรถคันละ 100 บาท ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆไม่พบประวัติติดตัว

นอกจากนี้ชุดสืบสวนยังได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนลงมือลักรถจักรยานยนต์เพิ่มเติมอีก 1 คนซึ่งจากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบว่านายอาร์มและนายชญานินมีหมายจับในคดีลักรถจักรยานยนต์ติดตัวอยู่อีก 4 หมายทั้งในพื้นที่สนบางเขนมักกะสันและสน. พระโขนง ซึ่งตำรวจจะเร่งขยายผลติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนและจะขยายผลไปยังนายทุนที่อำเภอแม่สอดต่อไป


ส่วนคดีต่อมาเป็นผลงานของชุดสืบสวนสน.ตลิ่งชันและสน.บางขุนนนท์ จับกุมเครือข่ายแก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในย่านฝั่งธนบุรีจำนวน 6 คน เป็นชาย 5 คน และหญิง 1 คน โดยเป็นการจับกุมได้เกือบยกแก๊ง โดยสามารถจับกุมได้ตั้งแต่คนลงมือโจรกรรมคนรับซื้อและในหน้าส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

โดยคดีนี้เริ่มต้นจากมีการแจ้งความและร้องเรียนในคดีโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในย่านฝั่งธนบุรีเป็นจำนวนมาก กองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ต่างๆในวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวรชุดสืบสวนสน.ตลิ่งชัน สืบทราบว่า มีคดีลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่และมีพยานหลักฐานไปถึงผู้ต้องหา 1 คนได้ชัดเจนคือ นายท็อปอายุ 19 ปี จึงรวบรวมพยานหลักฐานไปขอศาลออกหมายจับ และบุกเข้าไปจับกุมนายท็อปที่บ้านพักย่านตลิ่งชันพบของกลางเป็นรถจักรยานยนต์สีดำ ทะเบียนหมวดจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งจากการตรวจสอบทะเบียนพบว่ามีการแจ้งหายไว้ก่อนหน้านี้จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผล

ต่อมาในท็อปให้การรับสารภาพว่าไปร่วมลักรถจักรยานยนต์กับเพื่อนร่วมแก๊งอีก 3 คนในพื้นที่สน. ตลิ่งชัน 7 คัน ในพื้นที่สนบางขุนเทียนอีก 1 คัน จึงประสานข้อมูลให้สน.บางขุนนนท์ไปดำเนินการขยายผลนำกำลังไปขยายผลจับกุมนายป๊อป นายเอก และนางสาวฝ้าย ที่บ้านพักในย่านบางขุนนนท์ ในอีก 4 วันต่อมา โดยพบของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาจากพื้นที่ต่างๆอีก 4 คัน จึงทำการสอบปากคำเพื่อขยายผลทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าก่อนหน้านี้ได้มีการตระเวนขโมยรถจักรยานยนต์ร่วมกันหลายคดีก่อนจะนำไปขายต่อให้นายนน ที่ย่านบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน จึงนำกำลังไปขยายผลต่อในเวลาเดียวกัน ก็สามารถจับกุมนายนนท์ได้พร้อมของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ 1 คันที่ถูกแจ้งหายไว้ในพื้นที่สนราษฎร์บูรณะ โดยนายนน รับสารภาพว่าได้รับซื้อรถจักรยานยนต์จากเครือข่ายนี้มาแล้วประมาณ 10-15 คัน ก่อนจะส่งขายต่อให้กับนายต้นชาวจังหวัดอุบลราชธานี ชุดสืบสวนจึงขยายผลต่อไปจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว พบของกลางเป็นรถกระบะตู้ทึบแต่ภายในมีรถจักรยานยนต์ซึ่งถูกแจ้งหายในพื้นที่สภ. กระทุ่มแบน 1 คันและเตรียมจะมารับรถจักรยานยนต์ซึ่งถูกขโมยมาที่บ้านของนายนนท์อีก 2 คัน จึงดำเนินการจับกุมได้เกือบครบทั้งเครือข่าย

เบื้องต้นจากการสอบถามนายต้นให้การรับสารภาพว่าได้รับซื้อรถจักรยานยนต์จากเครือข่ายนี้มาแล้วประมาณ 4-5 คันก่อนจะส่งขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านโดยบางครั้งเป็นการส่งขายแบบรถทั้งคันและเป็นการแยกชิ้นส่วนขายอะไหล่

ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าวเป็นผลมาจากการใช้โปรแกรมวิเคราะห์เหตุอาชญากรรมในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งพบว่ามีเหตุรับรถจักรยานยนต์มากเป็นพิเศษในทั้ง 2 พื้นที่จึงได้สั่งการให้ทั้ง 2 พื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูลหาข่าวและเฝ้าติดตามจับกลุ่มคนร้ายนอกจากนี้จะมีการนำโปรแกรมดังกล่าวไปใช้ในการวิเคราะห์และติดตามเหตุการณ์อื่นๆเพิ่มเติมต่อไป