"เศรษฐา" ลั่นขอเป็น "นายกรัฐมนตรี" เท่านั้น ตำแหน่งอื่นไม่เอา ปัดกดดันเพื่อไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงกรณีที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ต้องการเพียงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเพราะเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจตัดสินใจว่า ไม่ใช่ความต้องการ และอาจจะมีความสับสนนิดหน่อย ตอนนี้ตนมีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ส่วนตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต้องเข้าสู่กระบวนการของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนว่าจะส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบ 3 คน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะได้รับความไว้วางใจจากกรรมการบริหารพรรค แต่สำหรับตนขอทำตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

เมื่อถามย้ำว่าถ้าไม่ใช่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็คือไม่รับตำแหน่งอื่นเลยหรือไม่ นายเศรษฐา บอกว่าก็คงไม่เอา แต่ยังสามารถให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง และยังเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยต่อไปได้ อีกทั้งก็ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือจะไปให้คำแนะนำกับคณะทำงานด้านเศรษฐกิจก็สามารถทำได้

เมื่อถามต่อว่าความหมายที่สื่อสารออกไปตีความได้ว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น นายเศรษฐา ย้ำว่ามันไม่ใช่ เพราะในฐานะคนไทยคนหนึ่งสามารถทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ แต่ถ้าพูดถึงตำแหน่งที่ต้องไปขับเคลื่อนอะไร นายกรัฐมนตรีถือเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมีอำนาจ และสามารถทำได้จริง

ถามย้ำว่าถ้าไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งอื่นเช่นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจจะรับหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบคำถามทันทีว่า ”ไม่เอาครับ”

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำอีกว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นใช่หรือไม่ นายเศรษฐาระบุว่า เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็ได้ หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็ได้ เป็นที่ปรึกษาที่ไม่ต้องมีตำแหน่งทางการ

ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจสามารถทำทุกอย่างได้ง่ายขึ้น นายเศรษฐา มองว่ามันก็มีภาคส่วนอื่นเข้ามาตรวจสอบได้และมีระบบรัฐสภา ตนไม่อยากจะให้เข้าใจผิดว่า เป็นเรื่องเบ็ดเสร็จของอำนาจ มันไม่ใช่

เมื่อถามต่อว่าในอนาคตถ้าไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งอื่นไม่เอาแต่ก็สามารถแต่ก็สามารถ เป็นประธานที่ปรึกษาได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ย้ำว่าปัจจุบันตนก็เป็นประธานที่ปรึกษาอยู่แล้ว เพื่อให้คำแนะนำ กับแกนนำพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำอยู่และเต็มใจที่จะทำต่อไป

นายเศรษฐา ยังมองว่าตนไม่เคยกดดันพรรคเพื่อไทย ให้มอบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ เพราะเรารู้จักกันมานาน รู้ตัวตนกันเองมานาน เรื่องการกดดันหรืออ้อมค้อม ไม่ใช่นิสัยตนอยู่แล้ว และคนที่รู้จักกันดี ก็รู้ดีว่าตนเป็นคนอย่างไร ตนขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีแน่นอน

ส่วนการดีลเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยมีตำแหน่งเดียว คือเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นใช่หรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี การดีลการเข้ามาอย่างเดียวคือ “คุณอิ๊งค์โทรมาชวนผม ให้มาช่วยให้คำปรึกษา คุณอิ๊งค์ก็บอกว่าให้พี่นิด มาช่วยเป็นประธานให้หน่อยเพราะมีที่ปรึกษามีหลายคน ซึ่งตนก็น้อมรับด้วยความเต็มใจและรู้สึกเป็นเกียรติ”

นอกจากนี้นายเศรษฐา ยังยกมือไหว้ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เอ่ยปากชมตนว่าเป็นคนเก่ง มีความสามารถ และรู้สึกเป็นเกียรติ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับพลเอกประวิตรเป็นการส่วนตัว แต่พอรู้จักกับเพื่อนของพลเอกประวิตรบ้าง