โวยรพ.ดัง ทำทารกหญิงตายในครรภ์ระหว่างรอผ่าคลอด พยาบาลบกพร่อง เด็กสำลักขี้เทาตายก่อนลืมตาดูโลก 4 ชม.

วันที่ 24 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ปริวัตร วอนกระโทก อายุ 61 ปี พร้อมกับ นายอนุศิษฏ์ วางขุนทด อายุ 34 ปี นำเอกสารหลักฐานไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กรณีบุตรสาวของ ร.ต.อ.ปริวัตร อายุ 29 ปี ตั้งครรภ์ครบ 9 เดือน ก่อนไปใช้บริการผ่าคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 11 มการาคม ที่ผ่านมา แต่เกิดความบกพร่องผิดพลาด จนทำให้ทารกหญิงในครรภ์เสียชีวิตกะทันหัน ก่อนลืมตาดูโลกแค่ 4 ชั่วโมง ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของพ่อ ซึ่งกำลังจะเป็นคุณตา รวมถึงสามีที่กำลังจะเป็นคุณพ่อ ต้องหัวใจสลาย

ก่อนหน้านี้มีการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะที่ทางโรงพยาบาลยอมรับในความบกพร่องของพยาบาลตรวจครรภ์ มีการเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย ครั้งแรกจาก 1 ล้านบาท ครั้งที่ 2 เพิ่มให้สูงสุด 3 ล้านบาท แต่ครอบครัวของผู้เสียหาย รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่สมเหตุสมผล จึงมาร้องเรียนกับหน่วยงานสาธารณสุข โดยมี นายแพทย์วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.นครราชสีมา รับเรื่อง

ร.ต.อ.ปริวัตร กล่าวว่า ลูกสาวตั้งครรภ์ทารก เพศหญิง ครบ 9 เดือน ฝากครรภ์พิเศษมาโดยตลอด เด็กในครรภ์สมบูรณ์ดีทุกประการ ก่อนนัดหมายผ่าทำคลอด ที่โรงพยาบาลเอกชน มานอนรอตั้งแต่เย็นวันที่ 10 มกราคม และมีคิวผ่าคลอดคิวแรก เวลา 06.00 น.วันที่ 11 มกราคม

 

ขณะนอนรอผ่าคลอด มีพยาบาลมาตรวจครรภ์ตอนตี 2  แจ้งเพียงว่า ฟังเสียงการเต้นของหัวใจทารกไม่ชัดแค่นั้น แล้วกลับออกไป โดยไม่มีการรายงานเหตุต่อแพทย์แต่อย่างใด พอถึงเวลากำหนดผ่าคลอดตอนเช้า พยาบาลพาเข้าห้องผ่าตัด แพทย์ได้เข้ามาตรวจครรภ์ ปรากฏว่า ทารกภายในครรภ์เสียชีวิตไปก่อนแล้ว แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 ชั่วโมง จึงผ่าทารกออกมา ได้น้ำหนักตัว 2840 กรัม แต่ไม่มีลมหายใจ ตอนนั้นทุกคนตกใจมาก และรู้สึกเสียใจที่ต้องมาสูญเสียหลานสาว ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก

เบื้องต้นเชื่อว่าเกิดจากความบกพร่อง และประมาทของพยาบาล ซึ่งหลังเกิดเหตุทางโรงพยาบาลยอมรับว่า เป็นความบกพร่องของพยาบาลจริง โดยยินดีจะชดใช้เยียวยาให้กับครอบครัว

 

ตอนนี้เจรจากันแล้ว 4 รอบ ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะโรงพยาบาลยินยอมชดใช้สูงสุด 3 ล้านบาท แต่คิดว่ายังไม่สมเหตุสมผล เพราะค่าดูแลฝากครรภ์ ค่าซื้อข้าวของเตรียมการเลี้ยงดูทารกหมดไปกว่า 1.2 ล้านบาท ซ้ำแม่ของเด็กต้องอยู่ในภาวะเศร้าเสียใจ กระทบกระเทือนจิตใจ ต้องกินยานอนหลับ ยังทำใจกับการสูญเสียไม่ได้

ด้าน นายแพทย์วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ได้รับเรื่องไว้แล้ว จะเร่งดำเนินการประสานกับทาง รพ.เอกชนดังกล่าว เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเจรจาหาไกล่เกลี่ยหาข้อสรุปกัน ด้วยความพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดขณะนี้ก็คือ สภาพจิตใจของครอบครัวผู้ที่สูญเสียบุตร โดยจะส่งทีมแพทย์นักจิตวิทยาไปให้ช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ให้ได้กลับมามีสภาพจิตใจที่ดี และใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุข