คนงานก่อสร้างชาวเมียนมา ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตขณะเทปูนบนดาดฟ้าคอนโด หลังวันนี้มีฝนตกในกรุงเทพฯ

วันที่ 5 ก.พ. 2566 เจ้าหน้าที่มูนิธิร่วมกตัญยูนำร่างนายอ่อง ทู โช อายุ 21 ปี ชาวเมียนมา คนงานก่อสร้างที่ถูกฟ้าผ่าขณะทำงานก่อสร้างอยู่บนดาดฟ้าคอนโดแห่งหนึ่ง ริมถนนพหลโยธิน ตรงข้ามสวนจตุจักร เนื่องจากมีฝนตกในกรุงเทพฯ ช่วงบ่ายที่ผ่านมา เพื่อนคนงานก่อสร้างได้นำตัวลงมาปฐมพยาบาลด้านล่างและประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพเข้าช่วยเหลือและพยายามปั๊มหัวใจแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

นายอนันต์ นาโตนด อายุ 56 ปี หัวหน้าคนงาน เล่าว่า เหตุเกิดช่วงเวลา 15.30 น. ขณะที่ผู้ตายอยู่ระหว่างการเทปูนอยู่ด้านบนชั้น 21 ซึ่งฝนได้หยุดตกแล้ว จากนั้นได้ยินเสียงฟ้าผ่า และผู้ตายได้ล้มหมดสติลงไป จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ พบว่ามีเลือดออกทั้งปากและจมูก แต่ยังหายใจอยู่ จึงได้เคลื่อนร่างของผู้ตายลงมาด้านล่า งก่อนเรียกมูนิธิกู้ภัยเข้าทำการช่วยเหลือ พร้อมระบุว่า ปกติแล้วที่เครนด้านบนจะมีสายล่อฟ้า จึงไม่รู้ว่าทำไมฟ้าถึงผ่าลงมาได้ หลังจากนี้คงจะให้คนงานหยุดทำงานระหว่างที่มีฟ้าร้องหรือฝนตกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมาอีก

ขณะที่ นายภัทรพล ศรีเมือง ร่วมกตัญญูดินแดง13 เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุพบว่าผู้ตายได้ถูกเคลื่อนย้ายลงมาอยู่ด้านล่าง จึงได้ประสานแพทย์เข้าช่วยชีวิต ซึ่งพบว่าผู้ตายไม่มีลมหายใจแล้ว จึงได้พยายามปั๊มหัวใจอยู่ประมาณ 45 นาที แต่ก็ไม่เป็นผล โดยสภาพร่างกายของผู้ตายไม่พบร่องรอยไหม้ตามร่างกาย คาดว่าผู้ตายจะถูกกระแสฟ้ามาจากเหล็กที่อยู่ด้านบน จนทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

ส่วนนางเนียนจิ อายุ 37 ปี ชาวเมียนมา พี่สาวของผู้ตาย ซึ่งเป็นคนงานในไซต์งานก่อสร้างเดียวกัน ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายแต่อย่างใด เนื่องจากทราบว่าเป็นอุบัติเหตุ โดยคนงานยืนยันว่าระหว่างที่กำลังเทปูนหล่อเสาอาคารอยู่ที่ชั้น 21 ขณะนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนักและมีฟ้าผ่าลงมา นายอ่อง ทู โช ถูกฟ้าผ่าต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ จนเสียชีวิตดังกล่าว โดยนางเนียนจิประสงค์ที่จะขอรับศพน้องชายไปจัดการตามประเพณีทางศาสนา

ด้านตำรวจ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความประมาทจากการทำงานหรือการควบคุมงานแต่อย่างใด ทั้งนี้จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนให้เกิดความชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามแม้ทางญาติไม่ติดใจ แต่เนื่องจากการตายดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่ถูกฟ้าผ่า จึงต้องนำศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อชันสูตรศพหาสาเหตุการตายที่แท้จริงประกอบสำนวนต่อไป