วันนี้ (16 ธ.ค.66) เวลา 08.10 น.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.คำพล โนนุช ผกก.สภ.แก้งคร้อ ได้รับแจ้งเหตุมีการฆ่ากันตายที่บ้านไม่มีเลขที่ ริมทุ่งนาบ้านสระประทุม หมู่ 9 ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ได้พร้อมกับ ร.ต.ท.ศักดิ์สิทธ์ สิงคเสลิต รองสารวัตรสอบสวน สภ.แก้งคร้อ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ และกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.แก้งคร้อจำนวนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยมูลนิธิสว่างพุทธธรรม อ.แก้งคร้อ รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ตั้งอยู่ริมถนนทุ่งนา บ้านสระประทุม หมู่ 9 ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น พบกับชาวบ้านที่ทราบข่าวมามุงดูที่เกิดเหตุหลายสิบคน พบกับนายวิจิตร อายุ 69 ปี เจ้าของบ้านนำไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ และเป็นสามีผู้เสียชีวิต ชื่อนางสุดใจ อายุ 63 ปี ที่ ถูกนำศพมาวางไว้ที่ขอบสระน้ำหลังบ้านที่เกิดเหตุ ในสภาพศพถูกตีด้วยของแข็งลักษณะเหมือนถูกตีด้วยไม้หน้า 3 ยาวประมาณ 2 เมตร ที่ท้ายทอย และหน้าผาก ใกล้กับขอบสระน้ำมีรอยเลือดเป็นทางยาวมาจากห้องครัวภายในบ้าน ออกมาทางข้างบ้าน มีหยดเลือดไปตามเส้นทางไปสิ้นสุดที่ขอบสระน้ำจุดที่พบศพนางสุดใจ อายุ 63 ปี หลักการตรวจพิสูจน์ศพในเบื้องต้น แพทย์เวร รพ.แก้งคร้อ ลงความเห็นเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วลากศพมาทิ้งในสระน้ำ แต่เพื่อให้ทราบสาเหตุการเสียชีวิต ได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างนางสุดใจ ผู้เสียชีวิต ส่งตรวจชันสูตรพลิกศพที่ รพ.ชัยภูมิอีกครั้งหนึ่ง

 

นายวิจิตร อายุ 69 ปี ได้เล่าให้ฟังว่าตอนเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 06.00 น.ตนเองตื่นนอนไม่เห็นนางสุดใจ ผู้เสียชีวิต จึงเดินตามหาในห้องครัวพบมีทั้งถ้วย จาน หม้อนึ่งข้าวเหนียว กระจัดกระจายเต็มพื้นห้องครัว พบรอยเลือดเป็นทางยาวออกจากครัว จึงได้ตระโกนเรียกลูกชายคนอีกคน ที่บ้านอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ได้ช่วยกันตามหานางสุดใจ พบเป็นศพอยู่ในสระน้ำ ได้ช่วยกันกับลูกชายคนโต นำศพนางสุดใจขึ้นจากสระน้ำ มาวางไว้ที่ขอบสระน้ำพบว่าเสียชีวิตแล้ว พบทั้งที่หน้าผากและท้ายทอย ถูกตีด้วยของแข็ง ได้มองเห็นลูกชายอีกคนชื่อนายอาคม อายุ 39 ปี อยู่กลางทุ่งนา ตนเองได้เรียกให้เข้าบ้าน แต่ขณะนั้นนายอาคม ลูกชายคนเล็กที่ยังดูเหมือนมีอาการหลอนและมีอาการคลุ่มคลั่งอยู่ ได้เดินถือไม้หน้า 3 ยาวประมาณ 2 เมตร จะเข้าทำร้ายตนเองอีก ตนเองเห็นดังนั้น ซึ่งในมือของตนยังถือมีดอีโต้อยู่จึงร้องตระโกนบอกลูกนายอาคม ลูกชายคนเล็กตนเองที่ยังมีอาการคลุ่มคลั่งอยู่ จะวิ่งเข้าทำร้ายตน โดยตนเองได้ร้องตะโกนเข้ามาสิ จะใช้มีดอีโตฟัน เมื่อลูกชายตนเองเห็นดังนั้น ได้ถือไม้หน้า 3 ก่อเหตุวิ่งหลบหนีไป จึงได้โทรแจ้งตำรวจ สภ.แก้งคร้อ มาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ซึ่งนายอาคม ลูกชายคนเล็กของตนเอง เคยติดยาบ้าอย่างหนักมานานกว่า 10 ปีแล้ว จนเกิดอาการหลอน และคลุ้มคลั่งเคยก่อเหตุทำร้ายลูกชายคนรอง และคนโตจนได้รับบาดเจ็บมาแล้วเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา ได้นำตัวไปบำบัดและรักษาอาการติดยาบ้ามาแล้ว แต่เมื่อกลับมาอยู่บ้านไม่กินยาต่อเนื่อง แถมหันไปกินเหล้าและเสพยาบ้าอีก จนเกิดอาการหลอนและคลุ้มคลั่งมาเป็นระยะๆ เหมือนคนบ้า หรือโรคประสาท ส่วนผู้ตายเป็นภรรยาของตนมาอยู่กินกับตนเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อมาอยู่เป็นเป็นภรรยาของตนได้รักและดูแลลูกชายของตนที่มีอยู่ด้วยกัน 4 คน เป็นอย่างดี คาดว่าในตอนเช้ามืดที่ผ่านมา ขณะที่นางสุดใจ ภรรยาต้นเอง หรือแม่เลี้ยงนายอาคม กำลังเข้าครัวจะนึ่งข้าวเหนียวในตอนเช้า นายอาคม ลูกชายคนเล็กตนเอง ไม่รู้ว่าหลอนเป็นอะไร จึงใช้ไม้ทุบตีแม่เลี้ยงที่ท้ายทอย และหน้าผาก แล้วลากร่างไปทิ้งที่สระน้ำข้างบ้าน  เมื่อนายอาคม ลูกชายของตนเองที่ก่อเหตุฆ่าแม่เลี้ยงตายครั้งนี้ ตนเองผู้เป็นพ่อก็ไม่เข้าข้างลูกชาย เมื่อตำรวจจับกุมนายอาคม ลูกชายตนเองคนก่อเหตุฆ่าแม่เลี้ยงตาย ขอให้ตำรวจนำตัวลูกชายไปบำบัดและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ขณะที่ พ.ต.อ.คำพล โนนุช ผกก.สภ.แก้งคร้อ หลังรับแจ้งเหตุ ได้รีบมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ทราบว่าคนลงมือชื่อนายอาคม แสนเสาร์ เป็นลูกเลี้ยงของผู้ตาย ตำรวจได้พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.แก้งคร้อ ได้เร่งติดตามจับกุมนายอาคม ลูกเลี้ยงผู้ฆ่าโหดแม่เลี้ยงในครั้งนี้ จับกุมตัวนายอาคมได้ในพื้นที้ใกล้เคียง ซึ่งขณะนั้นนายอาคม ได้มีอาการสงบลงแล้ว ไม่มีอาการคลุ้มคลั่งแต่อย่างใด ถูกนำตัวไปสอบสวนและควบคุมตัวไว้ที่ สภ.แก้งคร้อ และยอมรับสารภาพเป็นคนก่อเหตุลงมือใช้ไม้หน้า 3 ตีนางสุดใจ จนเสียชีวิตจริง แล้วลากร่างนางสุดใจไปทิ้งลงในสระน้ำข้างบ้านจริง แต่ไม่บอกสาหตุการลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อญาติของนางสุดใจ ที่อยู่ตำบลโนนทอง อ.เกษตรสมบูร์ จ.ชัยภูมิทราบข่าว ได้เดินทางมาดูศพนางสุดใจ ผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ตำรวจเกรงนายอาคม  คนก่อเหตุจะถูกประชาทัณฑ์ จึงยังไม่นำตัวนายอาคม มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าจะนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันต่อไป ซึ่งนายอาคม อายุ 39 ปี ลูกเลี้ยงใช้ไม้หน้า 3 ตีที่ท้ายทอย และหน้าผากนางสุดใจ แม่เลี้ยง ถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนทำให้ให้เสียชีวิต ซึ่งหลังจากสอบสวนเสร็จ นำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จ จะคุมตัวขออนุญาตศาลฝากขังที่ ศาล จ.ภูเขียว และส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป