"นายกฯ" บอกตัดสินใจยุบสภาหรืออยู่ครบเทอมไม่กระทบ ส.ส.ย้ายพรรคแน่ ปัดพี่น้องแข่งแคนดิเดตนายก ย้ำความสัมพันธ์-การเมือง คนละเรื่องกัน บอกเบื่อคำถามสื่อ ไม่อยากพูดเรื่องการเมือง

วันที่ 11 ม.ค. 2566 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดกิจกรรมของพรรครวมไทยสร้างชาติว่าน่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้งหลายข้อ ว่ามีการชี้แจงไปแล้วทั้งฝ่ายกฎหมายและกก. ทางโน้น (พรรครวมไทยสร้างชาติ) มีการปรึกษากก.อยู่แล้วว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้

และเมื่อสื่อถามว่าวันนี้ยังมั่นใจหรือไม่ว่าจะบริหารประเทศจนครบเทอม นายกรัฐมนตรีพูดอย่างข่มอารมณ์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ว่าตนพูดไปแล้วไม่ใช่หรือว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ตนจะอยู่ต่อหรือไม่

เมื่อผู้สื่อข่าวย้ำว่าหมายถึงช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่จะอยู่จนครบเทอมหรือไม่ นายกกล่าวว่าอยู่เพื่ออะไรล่ะ ถ้าจำเป็นต้องอยู่ก็ต้องอยู่ให้ครบ เมื่อสื่อถามต่อว่าครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม หรือยุบสภาก่อน นายกตอบว่าคำถามแบบนี้ประชาชนได้อะไร เมื่อสื่อบอกว่าประชาชนจะได้เตรียมตัวเลือกตั้ง และ ..จะได้เตรียมย้ายสังกัดพรรคตามกฎหมายเลือกตั้ง นายกกล่าวว่าเลือกตั้งคือเลือกตั้ง ว่ากันไปตามกระบวนการ โธ่ ก็เป็นเรื่องของเขา ก็เห็นว่าเป็นแบบนี้มาตลอด ตนดูให้อยู่แล้ว วันเวลาที่เหมาะสม ไม่มีปัญหาในเรื่องการสังกัดพรรค การเมืองก็เป็นแบบนี้แหละ พร้อมย้ำว่า ยังไงก็จะทำให้ ..ที่จะย้ายพรรค ทันกรอบเวลาไม่ทำให้เสียหายอยู่แล้ว ทุกคนมีหลักการของตัวเองอยู่แล้ว

เมื่อถามต่อว่าจากนี้นายกรัฐมนตรีจะใช้เวลานอกราชการลงพื้นที่หาเสียงกับพรรครวมไทยสร้างชาติจะเริ่มได้เมื่อไหร่ นายกทำท่ายึกยักเหมือนเบื่อหน่ายที่จะตอบคำถาม ก่อนจะบอกว่าตนก็ดูกฎหมายของตนอยู่แล้ว อย่าลืมว่าตนก็มีบทบาทในการเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด อะไรที่เป็นงานของรัฐบาลในฐานะนายกก็ทำต่อ เรื่องของพรรคก็เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคเขาดำเนินการอยู่แล้ว

ส่วนประเมินกระแสตอบรับอย่างไร นายกตอบว่าก็ต้องถามเธอ (สื่อ) ว่าประเมินอย่างไร มาถามอะไรผม มีฟีดแบกอะไร ตนก็อ่านจากในโซเชียล ในสื่อของท่านก็พูดกันทุกวันอยู่แล้ว เป็นเรื่องของท่าน

เมื่อถามต่อว่าลำบากใจหรือไม่ในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแข่งกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายกกล่าวว่าไปเกี่ยวอะไรกับท่าน เมื่อสื่อบอกว่าก็ต้องแข่งกันเพราะพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อพลเอกประวิตร เป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าแล้วเป็นอะไรล่ะ สื่อตอบว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่อาจลำบากใจ เพราะเป็นพี่น้องกันแล้วต้องมาแข่งทางการเมือง นายกนัฐมนตรีกล่าวว่าผมไม่เคยมีปัญหากันอยู่แล้ว หลายคนพูดว่าผมต้องมาเคลียร์ใจกันตอนเช้าก่อนเข้ารม. ห้องนั้นเป็นห้องก่อนประชุมรม.ใครก็เข้ามาได้ ไม่ใช่ผมต้องไปเคลียร์ เคลียร์อะไรกันนักหนา คนเราถ้ามันผูกพันกันมันก็อีกเรื่องนึง เรื่องการเมืองก็อีกเรื่องนึง ท่านก็เข้าใจ ผมก็เข้าใจ ต่างคนคนต่างเข้าใจ แล้วจะอะไรกันนักหนา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องมีการประเมินแล้วว่าต้องได้ ส.ส.25 คน เพื่อมีสิทธิ์เสนอแคนดิเดตนายกฯ นายกรัฐมนตรีพูดสวนขึ้นมาว่า “ก็รู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ก่อนที่สื่อจะบอกว่าแปลว่ามั่นใจ นายกบอกว่าอยู่ที่ประชาชน จะได้ 5 คน 10 คน 25 คนหรือเท่าไหร่ตนไม่รู้ ตนจะไปรู้ใจประชาชนได้อย่างไร ไปถามประชาชนโน่น

ส่วนได้พูดคุยกับพลเอกประวิตรหรือไม่ในการจับมือทำงานทางการเมืองหลังเลือกตั้ง นายกกล่าวโดยยังฟังคำถามไม่จบว่าก็ยังคุยกันทุกวัน แต่ไม่ได้พูดถึงตรงนั้น วันหน้าค่อยว่ากันอีกที วันนี้ให้ผ่านพ้นไปก่อน

ส่วนวันนี้ถ้าให้นายกพูดทางการเมืองอยากพูดอะไรหรือไม่ นายกบอกว่าไม่อยากพูด ก่อนเดินออกจากวงสัมภาษณ์ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที พร้อมบอกว่าเบื่อ เมื่อสื่อถามตามหลังว่าจะปรับลุกหรือไม่และเบื่ออะไร นายกตอบโดยไม่หันมามองว่าเบื่อคำถามเธอไง

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังนายกเปิดตัวสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้เป็นวันแรกที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง แต่ตอบคำถามแบบแบ่งรับแบ่งสู้ และใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 8 นาที