แม่เด็ก ป.3 ดินสอแทงตาเพื่อนบอด โอดเรียกค่าเสียหาย 3 ล้าน แพงไป ไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาให้ ชี้เป็นแค่อุบัติเหตุ เด็กเล่นกัน เชื่อลูกไม่ได้ตั้งใจ

วันที่ 11 ม.ค.66 จากกรณีที่นางสาวสุวิริภรณ์ ทันลา อายุ 29 ปี ตำบลหันห้วยทราย อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา ได้นำเอกสารใบแจ้งความ สภ.บ้านหันห้วยทราย พร้อมด้วยเอกสารส่งตัวรักษาดวงตา ลูกชายน้อง FM วัย 9 ขวบ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากโรงพยาบาลประทายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราช ร้องสื่อมวลชน หลังผ่านไป 6 เดือน ยังไม่มีการเยียวยาจากโรงเรียนบ้านหันห้วยทรายและผู้ปกครองคู่กรณี กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 เวลาประมาณ 14.30 น.

ด้านนายธีรพงษ์ มะปะโท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหันห้วยทราย ได้เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลังจากที่เกิดเหตุ ทางคณะครูและโรงเรียนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามสอบถามอาการไปยังผู้ปกครองของน้อง FM อย่างใกล้ชิดอยู่ตลอด เพราะถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่ภายในโรงเรียน จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ แต่มันก็เป็นอุบัติเหตุที่นักเรียนหยอกกัน จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งคณะครูก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะรุนแรงขนาดนี้

โดยเบื้องต้นทางโรงเรียนได้มีการช่วยเหลือไปแล้วประมาณ 70,000 บาท ยังไม่รวมค่าน้ำมันที่เดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยจากการพูดคุยกับครอบครัวของน้อง FM วัย 9 ปี นักเรียนผู้ได้รับบาดเจ็บได้มีการยื่นข้อเสนอขอเยียวยาจำนวน 3 ล้านบาท โดยยังไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ซึ่งทางคณะครูและผู้ปกครองยินยอมที่จะเยียวยาอยู่แค่ 200,000 บาท จึงอาจจะต้องหาคนกลางมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย และขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านผู้ปกครองของเด็กชายบี นามสมมติ เด็กที่เอาดินสอแทงตา เปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 เวลา 14.30 น. ในขณะนั้นมีนักเรียนอยู่ในห้องจำนวน 8-9 คน และได้เรียนหนังสือ รวมถึงการหยอกล้อเล่นกัน จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด น้อง FM ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา โดยตนเองมองว่าลูกชายของตนเองไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายน้อง FM แต่อย่างใด มองว่าน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุมากกว่า และก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อมาได้มีการพูดคุย ตนเองก็ได้มอบเงินจำนวน 35,000 บาท ที่ไปหยิบยืมชาวบ้านมา เนื่องจากว่าตนเองก็หาเช้ากินค่ำ และเงินจากโรงเรียนอีก 35,000 บาท รวมทั้งหมด 70,000 บาท มอบให้กับครอบครัวน้อง FM ต่อมาได้มีการพูดคุย ทั้งทางโรงเรียน ผู้บาดเจ็บและคู่กรณี ได้มีการเรียกเงินจำนวนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะไปหาจากไหนมาให้ หากพูดคุยตกลงกันไม่ได้ก็ต้องปล่อยไปตามคดีความในชั้นศาลต่อไป เพราะตนเองก็เป็นชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ