พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพ นายทหารจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ขณะลาดตะเวน ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ (พื้นที่สัตหีบ) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้แก่ ว่าที่ เรือเอก สามารถ แก้วผลึก สรั่งช่างกล แผนกช่างกล เรือหลวงสุโขทัย หมวดเรือที่ 1 กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ  พันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์ ช่างโซนาร์ แผนกอาวุธและการเรือ เรือหลวงสุโขทัย หมวดเรือที่ 1 กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ และ พันจ่าเอก อำนาจ พิมที พลขับรถ หมู่ตรวจการณ์หน้าที่ 1 กองร้อยรักษาฝั่งที่ 2 กองพันรักษาฝั่งที่ 12 กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้ อากาศยานและรักษาฝั่ง

 

โดย เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันนี้ 26 ธ.ค.65  พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี พระราชทานเพลิงศพ กำลังพลทั้ง 3 นาย ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ (พื้นที่สัตหีบ) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี  โดยมีกำลังพลทหารเรือ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ครอบครัวญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต ตลอดจน ประชาชน ร่วมในพิธีไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก

 

โดยกองทัพเรือได้จัดพิธีอย่างสมเกียรติชายชาติทหาร ด้วยการจัดกองทหารเกียรติยศ พลแตรเป่าสัญญาณแตรนอน ร่วมส่งดวงวิญญาณซึ่งเป็นสัญญาณแสดงว่าวันอันเหน็ดเหนื่อยได้ผ่านพ้นไปแล้ว และจะได้พักเสียที

 

โดยกองทัพเรือถือว่ากําลังพลที่เสียชีวิตจากเรือหลวงสุโขทัย เป็นผู้ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ได้พิจารณาบำเหน็จด้านสิทธิกำลังพลสูงสุดให้แก่กำลังพลโดยจะพิจารณาเลื่อนชั้นเงินเดือน 3-5 ชั้น กับขอพระราชทานเลื่อนยศ 2-4 ชั้นยศ รวมทั้งเงินช่วยเหลืออื่นๆ ตามสิทธิที่สมควรจะได้รับ ดังนี้

 

ชั้นยศเรือเอก จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็นพลเรือตรี กับได้รับสิทธิกำลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 160,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่นๆ รวมเป็นเงินประมาณ 2 ล้านบาท

 

ผู้ที่มีอายุราชการและฐานเงินเดือนสูง ชั้นยศพันจ่าเอก จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็นนาวาตรี กับได้รับสิทธิกำลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 135,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่นๆ รวมเป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาท