"อดีตภรรยา" ร้องถูกอดีตสามี เป็นตำรวจติดยาเสพติด ใช้ถุงดำคลุมหัว ทั้งตัวเองและลูก ก่อนจะซ้อมจนบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจอย่างหนัก ล่าสุดผู้การฯ เชียงใหม่ ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว

อดีตภรรยาตำรวจที่ถูกทำร้ายนำคลิปมาเปิด เพื่อร้องเรียนผ่านทาง "กัน จอมพลัง" ซึ่งกันจอมพลัง ระบุว่า มีหญิงมาร้องกับตนเองว่าสามีเป็นตำรวจ ติดยา เวลาเมายาชอบทำร้ายร่างกาย เอาถุงดำคลุมหัวเธอและลูก ทางด้าน "กัน จอมพลัง" บอกอีกว่า หลังเกิดเหตุเธอไปร้องผู้บังคับบัญชาก็ไม่ช่วยอะไร จนตอนนี้อดีตสามีได้ย้ายไปอยู่สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ (ไม่ใช่สภ.เมือง ) และยังเป็นตำรวจอยู่ หญิงสาวจึงเดินทางจากจังหวัดสงขลา เพื่อขอให้เขาช่วย จนมีผู้กำกับการสถานีตำรวจทางภาคเหนือคนหนึ่ง รู้ว่าเขาช่วย จึงโทร.มาหาหญิงคนนี้

ขณะที่หญิงสาวได้พูดคุยกับผู้กำกับคนดังกล่าว เล่าว่า ที่ผ่านมาเธอและลูกเจ็บช้ำมามาก จนลูกกลายเป็นซึมเศร้า เคยคิดจะกระโดดสะพานฆ่าตัวตายกันสองคนแม่ลูกก แต่มีคนช่วยได้ทัน ตอนนี้เธอกับลูกดีขึ้นแล้ว อยากดำเนินการถึงที่สุด ซึ่งทางผู้กำกับ ได้อ้างกับเธอให้เห็นแก่อนาคตลูก หากออกสื่อลูกน้องเขาโดนแน่ และลูกจะไม่ได้สวัสดิการอะไร

"กัน จอมพลัง" ระบุอีกว่า อยากฝากถามผู้กำกับฯคิดอะไรอยู่ถึงมาพูดแทนลูกน้องที่มีประวัติพัวพันยาเสพติด ประเทศนี้มันหาคนอื่นเป็นตำรวจไม่ได้แล้วหรือ ถึงยังต้องใช้ "ตำรวจที่เสพยา" ตำรวจดี ๆ มีเยอะ แต่พวกนอกรีดก็ควรตัดทิ้งไม่ใช่ช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นคนทำงานคนดีๆก็จะแปดเปื้อนไปด้วย

ล่าสุดวันนี้ "กัน จอมพลัง" ได้พาอดีตภรรยาไปร้องต่อ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบ 3 ประเด็น คือ
1.ตำรวจติดยาแล้วยังรับราชการอยู่ได้หรือไม่
2. โดนทำร้ายทำไม สภ.ไม่รับแจ้งความ
3. หลังจากร้องเรียนทำไมมี ผกก. โทรมาหาหญิงสาวให้แจ้งว่าอย่าออกสื่อ เพราะถ้าออกลูกน้องเขาโดนแน่นอน เป็นการปกป้องลูกน้องหรือไม่

ล่าสุดเช้านี้ ทีมข่าวช่อง8 ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ไปยัง พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ธนไชย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้เปิดเผยว่าเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ตัวของตำรวจนายนี้ได้ย้ายขึ้นมาในพื้นที่ภาคเหนือจริง และยืนยันว่าปัจจุบันนี้ไม่ได้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนกรณีคลิปเสียงมีผู้กำกับการแห่งหนึ่งโทร.เคลียร์ ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเรื่องปกติที่ทางผู้บังคับบัญชาเมื่อทราบเรื่องก็ได้ติดต่อไปยังฝ่ายหญิงเพื่อให้มาเจรจา ตกลงกันทั้งสองฝ่าย

ส่วนเรื่องคดีนั้นจากการตรวจสอบก็พบว่ายังไม่มีการแจ้งความ ตอนนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว