"อัจฉริยะ" นำหลักฐานแผนผังกระทำผิดขบวนการค้ายาเสพติดมอบให้ตำรวจ เรียกร้องเอาผิด "พล.ต.ต." พัวพันขบวนการให้ออกจากราชการไว้ก่อน

วันที่ 20 ต.ค. 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญกรรม ได้เดินทางเข้ามานั่งอยู่บริเวณหน้าทางเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมชูป้ายหลักฐานสืบเนื่องจากกรณี พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ถูก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชกาารตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งย้ายขาดมาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปก.ตร.) มามอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า พล.ต.ต.แวสาแม ใช้วิธีการออกบัตรให้ขบวนการค้ายาเสพติดและอาวุธสงคราม ที่พัวพันคดีอาญาถึง 8 คดี เพื่อใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ว่าเป็นคนใต้ สังกัดของ พล.ต.ต.แวสาแม พร้อมมีไฟล์วิดีโอที่มีการโชว์หลักฐานและภาพถ่าย อีกทั้งเมื่อผู้ต้องหาเหล่านี้ถูกจับกุม ก็จะสั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบทำสำนวนคดีของบุคคลที่ถือบัตรดังกล่าวเอง เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาพ้นผิดหรือรับโทษน้อยลง โดยเรียกรับผลประโยชน์จากบุคคลเหล่านี้

นายอัจฉริยะ ยังมีคลิปเสียงพ่อค้ายาเสพติดที่ถูกจับคดีอาวุธปืน 33 กระบอก พูดคุยกับอดีตตำรวจมาเลเซียที่ค้ายาไอซ์ และอุ้มนักธุรกิจมาเลเซียไป สปป.ลาว ซึ่งยืนยันว่ามีตำรวจช่วยเหลือล้มคดีให้ และสื่อประเทศมาเลเซียยังเคยนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฎหมายและช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียิงตำรวจ สภ.สุไหงโกลก เสียชีวิต ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหาถูกชี้ตัวแล้ว แต่กลับถูกดึงชื่อออกจากสำนวนและไม่มีการดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ที่ออกใบอนุญาตอาวุธปืนให้กับคดีนี้และพ่อค้ายาเสพติด ก็มีความเกี่ยวข้องกับนายตำรวจรายนี้ รวมจำนวนอาวุธปืนที่ออกให้ขบวนการยาเสพติดกว่า 500 กระบอก

นอกจากนี้ยังมี ส.ส. นักการเมืองชื่อดังระดับประเทศฝั่งรัฐบาลอีก 2 คน พัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด และภรรยาของตำรวจคนนี้ก็เกี่ยวข้องกับขบวนการทั้งหมดด้วย เพราะรู้จักสนิทสนมกับผู้ต้องห จึงขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.แวสาแม ต้องออกจากราชการเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะยังเปิดเผยอีกว่า วันที่ 24 ตุลาคมนี้ ตนเองจะไปเปิดโปงขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศไทย ซึ่งมีทหารเรือ ตำรวจภูธรภาค 4 ระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย