เขื่อนเจ้าพระยาลดการระบาย เร่งซ่อมถนนคันคลองมหาราชคาด 2 วัน เสร็จ

วันที่ 15 ต.ค. 65 สืบเนื่องจากคืนวันที่14 ต.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมน้ำท่วมที่เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ภาคกลาง พบว่า น้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เริ่มลดลง วัดได้อัตรา 2,985 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาล่าสุดวัดได้ +17.68 เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่ยังมีระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนเหนือเขื่อนใน 3 อำเภอคือ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ และอำเภอมโนรมย์

โดยเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 15 ต.ค. 2565 เขื่อนเจ้าพระยาได้ลดอัตราการระบายน้ำลงไปที่ 3,134 ลูกบาตรเมตรต่อวินาที แต่เขื่อนเจ้าพระยายังคงปักธงแดง เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์วิกฤตต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 การปรับอัตราการระบายน้ำในเกณฑ์นี้ ก็เพื่อรักษาสมดุลของน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน รองรับปริมาณน้ำและเพื่อชะลอน้ำเหนือไว้ในลำน้ำเหนือเขื่อน ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนระดับน้ำขึ้นน้ำเริ่มลดลง วัดได้ 17.32 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่ก็ยังคงเอ่อล้นสูงกว่าตลิ่ง 98 เซนติเมตร โดยประชาชนพื้นที่ท้ายเขื่อน ในอำเภอสรรพยา ต้องอพยพขึ้นมาสร้างเพิงพักและกางเต็นท์นอนริมถนนกันมากขึ้นรวมแล้วจนถึงปัจจุบันกว่า 2,500 ครัวเรือน ซึ่ง อำเภอสรรพยา มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 6 ตำบลจากทั้งหมด 7 ตำบล

ขณะที่ทางด้านคันคลองมหาราช พื้นที่ ม.12 ตำบลตะหลุก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ที่ถูกน้ำกัดเซาะจนขาด ทำให้มวลน้ำมหาศาลทะลักลงคลองมหาราชเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่แขวงการทางกรมชลประทาน เทศบาลตำบลตลุก ทหารจากกองบิน 4 อบจ.ชัยนาท ปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการร่วมแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทำงานทั้งวันทั้งคืน โดยใช้รถแบ็กโฮนำ กระสอบทราย และเสาเข็ม เข้าไปทำคันกั้นเพื่อป้องกันความเสียหายไม่ให้ขยายวงกว้าง รวมถึงการลดความแรงของน้ำ เพื่อที่จะถมปิดแนวขาดและทำผิวถนนต่อไป

ด้านนายอนุสรณ์ นาคาศัย เปิดเผยว่า วันนี้ได้ประชุมกัน ให้ทุกหน่วยงานช่วยกันทำให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน โดยต้องเริ่มด้วยการบังคับทิศทางของน้ำไม่ให้พุ่งปะทะคันดินฝั่งตรงข้าม เพราะจะทำให้คันดินขาดได้ เพื่อให้การไหลของน้ำไปในทิศทางที่ต้องการป้องกันความเสียหายขยายวง แล้วค่อยมาถมทำผิวถนนให้ผู้คนสามารถสัญจรผ่านไปมาได้ชั่วคราว เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน