แม่พาลูกชาย ป.6 ร้องสื่อฯ ช่วยทวงความเป็นธรรม อ้างลูกถูกครูพละตบ ท้าให้มาเอาเรื่อง พ่อลั่นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พรนภา อายุ 29 ปี ได้พา ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นบุตรชาย และเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พร้อมนำใบรับรองแพทย์ผลการตรวจร่างกายจาก รพ.บางบ่อ เข้าพบสื่อมวลชนเพื่อช่วยความช่วยเหลือให้เป็นกระบอกเสียงทวงความเป็นธรรม หลังอ้างว่าบุตรชายถูกครูสอนวิชาพละศึกษา ทำร้ายร่างกายด้วยการใช้มือตบที่หัว ใบหน้า และปาก อีกทั้งยังพูดในทำนองท้าให้เด็กกลับไปฟ้องพ่อแม่และมาเอาเรื่องที่โรงเรียน จากนั้นยังบังคับให้เด็กนั่งลงกับพื้นแล้วใช้มือตบซ้ำอีกรอบ จนเด็กมีอาการมึนหัว ปวดบริเวณใบหน้า ปาก และมีรอยช้ำที่หน้าอก

จากการสอบถาม ด.ช.เอ เล่าว่า วันนั้นเป็นชั่วโมงชุมนุม ซึ่งจะปล่อยให้เด็กนักเรียนทำกิจกรรมในโดมขนาดใหญ่ เล่นกีฬา ตนได้เล่นฟุตบอลอยู่กับเพื่อนๆ จากนั้นมีเพื่อนผู้หญิงมาขอยืมลูกตะกร้อของตนไปเล่น สักครู่ลูกตะกร้อถูกครูพละยึดไป และเรียกตนเข้าไปหาเพื่อสอบถามว่า เอาลูกตะกร้อมาจากไหน เป็นของโรงเรียนใช่หรือไม่ ตนบอกว่าเป็นของตนมีคนให้มาแต่ครูไม่เชื่อ จึงสอบถามเรื่องราคาและเข้าไปเสิร์ชหาในแอปซื้อของออนไลน์ ก่อนยึดลูกตะกร้อตนไป จึงทำให้ตนไม่พอใจ เมื่อถึงเวลาเข้าแถวเตรียมตัวกลับบ้าน ตนได้พูดกับเพื่อนว่า "ไอ้ (ชื่อครู) มันเอาลูกตะกร้อกูไปแล้ว" จากนั้นมีเด็กนักเรียนชั้น ป.5 ไปฟ้องครูพละคนดังกล่าวว่า ตนด่าครูจึงเรียกตนเข้าไปพบ แล้วถามว่าด่าจริงหรือไม่ ตนบอกว่าจริง จากนั้นครูก็ลงมือทำร้ายร่างกายตนทันที ด้วยการตบหัว ตบปาก ใช้หลังมือตบหน้า แล้วกระชากคอเสื้อบังคับให้นั่งลงกับพื้น แล้วตบซ้ำอีกรอบ จนพอใจ พร้อมข่มขู่ตนและท้าให้ไปฟ้องพ่อแม่มาเอาเรื่องด้วย

นอกจากนี้ จากการสอบถามยังทราบว่า ขณะที่ ด.ช.เอ ถูกครูพละลงมือทำร้ายร่างกายอยู่นั้น ญาติ ด.ช.เอ เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด จึงนำเรื่องมาเล่าพ่อแม่ ด.ช.เอ และเรียก ด.ช.เอ มาถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมด

ด้าน แม่ ด.ช.เอ เล่าว่า หลังสอบถามลูกชายจนรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ช่วงเช้าตนจึงเข้าไปที่โรงเรียน เพื่อพบกับ ผอ.โดยมอบหมายให้คุยกับ รอง ผอ.และครูประจำชั้น แต่ก็ยังไม่ได้รับรายละเอียดอะไรมากนัก และนัดหมายให้ตนไปดูกล้องวงจรปิดอีกครั้ง

ด้าน พ่อ ด.ช.เอ เล่าว่า ผอ.โรงเรียนถามว่า ถ้าหากพบครูพละคนดังกล่าว และได้รับคำขอโทษจะยอมยกโทษและจบเรื่องหรือไม่ ตนคิดว่าคนเป็นครูไม่ควรจะมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายนักเรียนแบบนี้ ถ้าเด็กทำผิดมาแจ้งผู้ปกครองให้ทราบเรื่องก่อน หรือมีวิธีทำโทษที่เหมาะสมตนก็ไม่ติดใจอะไร แต่มาทำร้ายร่างกายเด็กแบบนี้ตนรับไม่ได้ และวันถัดไป ผอ.ได้นัดหมายให้ตนเข้าไปพูดคุยเพื่อตกลงในรายละเอียด พร้อมจะเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดให้ดูด้วย หากได้คุยกันและได้รับความเป็นธรรมอย่างเหมาะสม ตนก็จะไม่เอาเรื่องกับครูคนคนดังกล่าว แต่หากผลการคุยไม่เป็นผล ตนคงต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

พ่อ ด.ช.เอ เล่าอีกว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับ รอง ผอ. ครูประจำชั้น และครูพละคนดังกล่าว อ้างว่าทำเพียงใช้มือแปะที่หัวและหน้าเด็กเบาๆ เพื่อเป็นการสั่งสอนเท่านั้น ซึ่งขัดกับสิ่งที่เด็กบอกและทำให้ตนดู ซึ่งมันรุนแรงมากกว่า ตนคิดว่าการคุยครั้งนี้โรงเรียนไม่มีมาตรการในการลงโทษ ครูที่ทำเกินกว่าเหตุ และไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกดีขึ้นเลย รอง ผอ.บอกต้องการให้ครูพละกล่าวคำขอโทษและให้จบเรื่องเพียงเท่านี้ ซึ่งตนรับไม่ได้

"คนที่มีอาชีพเป็นครูจะทำอะไรควรต้องคิด และมีการควบคุมอารมณ์ให้มากกว่านี้ ส่วนการลงโทษเด็กต้องทำอย่างเหมาะสม แต่สิ่งที่ครูคนดังกล่าวทำกับลูกตนนั้น เมื่อได้ฟังจากปากเด็ก คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็รู้สึกสะเทือนใจมาก ผลสรุปของการพูดคุยไม่มีคำขอโทษจากครู และไม่มีมาตรการลงโทษใดๆจากโรงเรียน โดยถ้าครั้งนี้ ตนยอมรับคำขอโทษจากครูคนนั้น แล้วปล่อยให้เรื่องจบ หากต่อไปครูทำเรื่องที่รุนแรงมากขึ้นกับเด็ก แล้วก็มาขอโทษอีก ตนคิดว่ารับไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องการร้องผ่านสื่อฯถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ช่วยเข้ามาดูแลและจัดการกับครูที่ชอบใช้ความรุนแรงกับเด็ก ซึ่งตนพร้อมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดด้วย" พ่อ ด.ช.เอ กล่าว