ศาลอาญาคดีทุริตฯ พิพากษาคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย สั่งจำคุกนายวิชัย อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร 860 ปี ร่วมชดใช้เงินกว่า 8.8 พันล้านบาท

 

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดอ่านคำพิพากษา คดีพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร กับพวกรวม 6 คน กระทำความผิดที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน ทุจริตการปล่อยสินเชื่อของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กับ กฤษดามหานคร โดยการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ จำนวน 1 หมื่น 4 ร้อยล้านบาท เหตุเกิดช่วงระหว่างวันที่ 11 กันยายน 2546 ถึงธันวาคม 2547

คดีนี้ พนักงานอัยการยื่นฟ้องไว้เมื่อปี 2561 ใจความสรุปได้ว่า หลังการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทยแล้ว เงินจำนวนนี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ และจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม ตามเหตุผลการขอสินเชื่อ แต่กลับนำเงินไปออกเช็ก แล้วฝากเข้าบัญชีบุคคลต่างๆ ก่อนจะเบิกถอนเงินไปซื้อขายหุ้นและที่ดิน โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างหนี้ เข้าข่ายเป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

นอกจากนี้ยังพบว่าจำเลยทั้งหมดยังมีพฤติการณ์ออกเช็กในนามบริษัทนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารของพวกจำเลยอีกหลายครั้ง เข้าข่ายเป็นการพยายามปกปิดที่มาของทรัพย์สิน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามฟอกเงิน

ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐาน พิจารณาคำให้การหักล้างของฝ่ายจำเลยแล้ว เห็นว่าจำเลยทั้ง 6 ได้กระทำผิดตามกฎหมายจริง ความผิดต่างกรรมต่างวาระ พิจารณาลงโทษเรียงไปตามกระทงความผิด โดยจำเลยที่ 1 นายวิชัย กระทำผิด 133 กรรม รวมจำคุกเป็นเวลา 860 ปี , จำเลยที่ 2 นาย รัชฎา บุตรชายของนายวิชัย รวมจำคุก 118 ปี , จำเลยที่ 3 นายบัญชา อดีตกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทในเครือของ กฤษดามหานคร รวมจำคุก 416 ปี , จำเลยที่ 4 เลขาของนายรัชฎา รวมจำคุก 38 ปี , จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นกรรมการ 3 บริษัท รวมจำคุก 235 ปี และจำเลยที่ 6 พนักงานของ กฤษดามหานคร รวมจำคุก 262 ปี

ทั้งนี้ตามกฎหมายสามารถลงโทษจำคุกจำเลยสูงสุดได้คนละไม่เกิน 20 ปี โดยให้นับโทษต่อจากคดีก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันรับผิดชอบชำระเงินแทนการริบทรัพย์สิน เป็นเงินกว่า 8.8 พันล้านบาท , จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดในวงเงินกว่า 5.8 ล้านบาท , จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดในวงเงินกว่า 2.7 พันล้านบาท และจำเลยที่ 6 ร่วมรับผิดในวงเงินกว่า 548 ล้านบาท หากไม่ชำระเงินตามกำหนดต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีด้วย