ศาลให้ประกันตัว "ไฮโซทะเล" พร้อมพวก ผู้ต้องหาคดีปล้นทรัพย์นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ใช้หลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท ติดกำไลข้อเท้า ห้ามออกนอกประเทศ ส่วนผู้ต้องหาอีกราย ให้ประกัน 5 แสนบาท ห้ามยุ่งเกี่ยวผู้เสียหาย

 

วันที่ 12 ก.ค. 2565 เมื่อช่วงเช้า ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้มีคำสั่งการขอปล่อยชั่วคราว ภายหลังได้ดำเนินการไต่สวนคำร้องที่ นายเพชร บุญวงษ์ นักธุรกิจ นายธฤต ณ พัทลุง หรือไฮโซทะเล และนายทบทอง หรือทอม บุญหลง 3 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ได้ยื่นคำขอปล่อยชั่วคราวจากการฝากขังครั้งแรกของพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา

โดยในส่วนของนายเพชร และนายธฤต ศาลพิเคราะห์คำร้องขอฝากขัง เอกสารร้องขอหมายจับและทางไต่สวนแล้ว เห็นว่าคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่า ผู้ต้องหาทั้งสองมีเหตุจะหลบหนี ก่อเหตุร้ายหรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 หรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร คัดค้านการปล่อยชั่วคราวโดยเหตุผลเดียวว่า คดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี

ทั้งนี้เมื่อพิเคราะห์พฤติกรรมแล้ว ไม่มีข้อเท็จจริงที่จะยืนยันหรือแสดงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี ผู้ต้องหาทั้งสองมีภูมิลำเนาแน่นอน มีอาชีพการงานชัดเจน นายเพชร ผู้ต้องหาที่ 1 มีบุตรที่ยังเล็กและครอบครัว การหลบหนีน่าจะเป็นผลเสียหาย

ส่วนนายธฤต ผู้ต้องหาที่ 2 มีธุรกิจซึ่งการหลบหนีน่าจะกระทบต่อความเชื่อถือและทางทำมาหาได้ในอนาคตของผู้ต้องหาที่ 2 กรณีมีเหตุในเบื้องต้นว่าความเสี่ยงที่ผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนีอยู่ในระดับปานกลาง จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ แต่เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองมีศักยภาพที่จะสามารถเดินทางจึงเห็นควรควบคุมด้วยมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้นโดยให้เรียกหลักประกันเป็นเงินคนละ 1 ล้านบาท และให้สวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมีกำหนด 90 วัน หากพนักงานสอบสวนหรือผู้ต้องหาทั้งสองมีเหตุจะให้ระยะเวลาเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง ให้เสนอพยานหลักฐานต่อศาลเมื่อมีเหตุดังกล่าวในอนาคต และห้ามออกนอกประเทศ ให้แจ้งสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ โดยเมื่อทำสัญญาเรียบร้อยแล้วให้ออกหมายปล่อยได้

ส่วนนายทบทอง หรือทอม ผู้ต้องหาที่ 3 ศาลพิเคราะห์คำร้องขอฝากขัง เอกสารคำร้องขอหมายจับ ประกอบทางไต่สวนแล้ว เห็นว่าพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวด้วยเหตุเดียวว่า คดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนได้ความว่า ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานด้วยตนเอง ผู้ต้องหารับราชการเป็นตำรวจ มีตำแหน่งหน้าที่การงาน มีภูมิลำเนาที่แน่นอนอยู่มาเป็นเวลานาน ไม่น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีไปโดยง่าย จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ หากผิดสัญญาปรับ 500,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาติดต่อยุ่งเกี่ยวหรือเข้าใกล้ผู้เสียหายและครอบครัว