เลขาฯ ศาลยุติธรรม เผยโควิด 2 ปี ใช้เทคโนโลยี-ออนไลน์จัดการระบบ ไร้คดีคั่งค้าง พร้อมเปิดทำการนอกเวลาราชการ อำนวยความสะดวก ปชช.

 
(14 ม.ค. 2565) นายจีระพัฒน์ พันธุ์ทวี เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึง ผลการดำเนินงานของศาลยุติธรรมในรอบปี 2564 ว่า ในรอบปีที่ผ่านมา หลายหน่วยงานรวมทั้งศาลยุติธรรม ต้องเผชิญกับวิกฤตโรคโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่คดีความต่าง ๆ ที่ฟ้องต่อศาลยุติธรรมก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่คู่ความและประชาชนมีความเดือดร้อน ศาลยุติธรรมจึงนำเทคโนโลยีและพัฒนาระบบสารสนเทศที่มีอยู่มาอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนอย่างเต็มที่ ในทุกช่องทางที่กฎหมายสามารถดำเนินการได้ โดยคุ้มครองสิทธิทางคดีของผู้เสียหาย ผู้ต้องหา และจำเลยด้วย ทั้งยังสามารถคุ้มครองสุขอนามัยของคู่ความ และประชาชนที่ต้องติดต่อราชการของศาลไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นด้วยเหตุที่ต้องมาศาล
 
ในรอบปีที่ผ่านมา สถิติการพิจารณาพิพากษาคดีนับตั้งแต่เดือน ม.ค.- ธ.ค.64 ซึ่งนำเทคโนโลยีและกระบวนการพิจารณาอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ประกอบกับการบริหารจัดการคดีที่จะนัดพิจารณาคดี ตามแนวทางที่คณะอนุกรรมการศึกษา ติดตามและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการคดีภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำหนดมาตรการ พบว่า ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา พิจารณาพิพากษาคดีเสร็จทั้งสิ้น 1,194,804 คดี จากปริมาณคดีค้างเก่า และคดีรับฟ้องใหม่รวม 1,560,026 คดี (แบ่งเป็นคดีแพ่ง 1,030,906 คดี และคดีอาญา 529,120 คดี)

ส่วนการส่งเสริมให้มีการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้นในศาลชั้นต้น นอกจากช่วยลดขั้นตอนและค่าใช้จ่าย ยังลดการเดินทางมาศาลที่ไม่จำเป็นของคู่ความด้วย ด้วยเหตุที่วิธีพิจารณาดังกล่าว ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในปีนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้ศาลชั้นต้นทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ครบทุกบัลลังก์ เพื่อรองรับการพิจารณาคดีวิถีใหม่ New Normal ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อเพิ่มช่องทางในการดำเนินกระบวนพิจารณาทางออนไลน์ให้สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนกระบวนพิจารณาไปสู่วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น บุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในและภายนอกศาลยุติธรรม ต้องมีความพร้อมด้วย สำนักงานศาลยุติธรรมจึงวางโครงการที่จะจัดอบรมหลักสูตรการพิจารณาคดีออนไลน์ให้กับเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ รวมถึงทนายความ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากการบริหารจัดการคดีที่คั่งค้างอันเนื่องจากมีการเลื่อนนัดพิจารณาในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักนั้น ยังได้ดำเนิน "โครงการเปิดทำการศาลนอกเวลาราชการเพื่อเร่งรัดการพิจารณาพิพากษาคดีหรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน" ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565 เพื่อให้ประชาชนผู้มีอรรถคดีได้รับการอำนวยความยุติธรรมอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม และกระจายความแออัดของคู่ความที่มาศาลอันจะทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น