"จิรายุ" ชี้ ไทยอันตรายหลัง ครม. ลักหลับ วาระลับ เพิ่มเพดานกู้จาก 60 เป็น 70% เชื่อเตรียมกู้เงินอีกไม่น้อยกว่า 1 ลล. แน่ แนะประชาชนเตรียมรับมือสึนามิเศรษฐกิจระลอกใหญ่

 

วันนี้ 21 ก.ย.2564 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีการขอเพิ่มเพดานเงินกู้ของประเทศในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ว่า ถือเป็นการลักหลับประชาชนทั้งประเทศอย่างน่าสงสัย ในกรณีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม. กำหนดเป็นเรื่องลับ ซึ่งเรื่องสำคัญระดับนี้เกี่ยวกับคนไทยทุกคนและประเทศไทย ไม่เคยเพิ่มเพดานเงินกู้มากกว่าร้อยละ 60 มาตั้งแต่ปี 2542 โดยเฉพาะหลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้าแก้ไขสถานการณ์จนทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ระดับโลกในช่วงนั้น

นายจิรายุ กล่าวว่า ตนเคยอภิปรายในสภาไว้ว่ารัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จะเป็นรัฐบาลประวัติศาสตร์ที่จะขยายเพดานเงินกู้หนี้สาธารณะของประเทศจากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนควรรู้และต้องติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น

"ทีตอนประชุมเป็นเรื่องลับ แต่ตอนใช้หนี้ของประชาชน กลับเป็นเรื่องสาธารณะ ให้ประชาชนทั้งประเทศแบกหนี้ แบบนี้ได้ด้วยหรือ" นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุยังกล่าวต่อไปว่า ฉายานักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาคงไม่เพียงพอสำหรับผู้นำของไทย วันนี้คงอัปเกรดมาแตะระดับ "นักกู้แห่งมหาเอเชียบูรพา" แล้ว และขอเรียกร้องลิ่วล้อ ไอ้ห้อยไอ้โหน ที่เคยออกมาด่าผม และยืนยันว่าไม่มีทางที่ พลเอกประยุทธ์ จะขยายเพดานเงินกู้สาธารณะของประเทศ จากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 ให้ออกมาชี้แจงด้วย

"ขอให้พี่น้องประชาชนเขียนแปะข้างฝาไว้ได้เลยว่า รัฐบาลชุดนี้ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ก็จะกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาท วันนี้รัฐบาลบักโกรก ไส้แห้งถังแตกตูดขาดเป็นที่เรียบร้อย ทำนโยบายหลายปีมานี้ แจกอย่างเดียว หาเงินไม่เป็น และขอเตือนว่าอย่าลืมจดติดข้างฝาบ้านไว้ด้วยว่าคนไทยทั้งประเทศจะร่วมกันเป็นหนี้โดยลุง ที่จะต้องใช้หนี้มากกว่า 150 ปี ที่สำคัญนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำนโยบายออกมาที่จะรองรับกับสถานการณ์ของประเทศใด ๆ ได้เลย จึงขอเตือนให้ประชาชนเตรียมตัวรับมือกับสึนามิทางเศรษฐกิจระลอกใหญ่ นับตั้งแต่มีประเทศไทยมา ด้วยฝีมือของผู้นำประเทศที่กู้หนักมากมาตลอด 7 ปีมานี้ รวมกันมากกว่านายกฯ 28 คนรวมกัน และจะมีหนี้สำหรับลุงคนเดียว ถึงกว่า 10 ล้าน ๆ บาทเลยทีเดียว" นายจิรายุ กล่าว

 

ด้าน “เผ่าภูมิ” แจงยิบ เงินกู้ 5 แสนล้าน ทั้งช้า ทั้งชุ่ย ชี้ขยายเพดานหนี้ ขยายความล้มเหลวซ้ำซาก

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ กมธ. ตรวจสอบ พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาทฯ กล่าวถึงความคืบหน้า พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท และการขยับเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70% ว่า พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ทั้งช้า ทั้งชุ่ย

ช้าเนื่องจากไทยเจอการระบาดหนักทั้งระลอก 3 และ 4 เจอการล็อกดาวน์ที่เข้มข้น เจอเคอร์ฟิว เจอธุรกิจล้มละลาย แต่การใช้เงินกู้นี้เพื่อประคองเศรษฐกิจกลับเหมือนอยู่คนละโลก เสมือนใช้จ่ายงบประมาณปกติ เม็ดเงินที่ลงสู่ระบบนั้นน้อยนิด ใน 5 แสนล้านนั้น เพียง 5 หมื่นกว่าล้านที่ลงสู่ระบบ หรือเพียงราว 10% เท่านั้น เศรษฐกิจที่เสียหายจากการล็อกดาวน์เข้มข้นเดือนละ 1.5-2.5 แสนล้านบาท ถูกชดเชยด้วยเงินอัดฉีดเข้าระบบจากเงินกู้ก้อนนี้เฉลี่ยเพียงเดือน 1 หมื่นล้านบาท เมื่อเงินที่อัดฉีดเข้าระบบน้อยกว่าเงินที่หายไปถึง 15 เท่า แบบนี้เศรษฐกิจเดินต่อไม่ได้

ด้านสาธารณสุข วงเงิน 30,000 ล้าน เบิกจ่ายเพียง 1,828 ล้าน หรือ 6% ประเทศต้องการวัคซีนเร่งด่วน ต้องเร่งฟื้นฟูระบบสาธารณสุขทันที แต่งบปรับปรุงสถานพยาบาลกลับอนุมัติ 0% เบิกจ่าย 0%

ด้านการฟื้นฟูประเทศวงเงิน 170,000 ล้านบาทนั้น อนุมัติ 0% เบิกจ่าย 0% เช่นกัน ไม่มี ไม่ทำ ไม่สร้าง โครงการรักษาระดับการจ้างงาน หรือมาตรการคงการจ้างงาน มีแต่ชื่อโครงการ ถึงวันนี้ อนุมัติ 0% เบิกจ่าย 0% ต้องรอให้คนตกงานทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วค่อยมาตามแก้อย่างนั้นหรือ การกระตุ้นการลงทุน ยังไม่มีการใช้จ่ายเช่นกัน และท้ายสุดจะไปจบที่ “เราเที่ยวด้วยกัน ชิมช้อปใช้ คนละครึ่ง” โครงการชื่อสวย แต่ไร้ประโยชน์เช่นเคย

ส่วนความชุ่ยนั้น ในแผนงานเงินกู้ 5 แสนล้านบาททุกโครงการเป็นโครงการจ่ายทิ้ง ใช้แล้วหมดไปทั้งนั้น ไม่มีเงินฟื้นฟูที่เอาไปสร้างอนาคตประเทศ ไม่มีการสร้างโครงสร้างการพัฒนาให้กับประเทศเป็นชื้นเป็นอัน ไม่มีการจัดสรรงบในส่วนนี้ และแรงงานนอกระบบกว่า 20 ล้านคนถูกละทิ้งจากเงินกู้ 5 แสนล้านนี้ พ่อค้าแม่ค้าในตลาดหาบเร่แผงลอย อาชีพกลางคืนที่ถูกเคอร์ฟิว ฯลฯ เหล่านี้ถูกมองข้าม ไม่มีโครงการเยียวยากลุ่มนี้

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเข้าใจดีถึงความจำเป็นต้องใช้เงินในการประคองเศรษฐกิจ แต่ต้องเข้าใจเช่นเดียวกันว่าความจำเป็นของการต้องใช้เงินเพิ่มนี้ ทั้งหมดเกิดจากความล้มเหลวของการใช้เงินกู้ 2 ก้อนที่ผ่านมา หากใช้ให้ดี เงินกู้ 2 ก้อนนั้น มีขนาดที่เหลือเฟือ ประเทศจะไม่เดินมาสู่จุดนี้ ความล้มเหลวของเงินกู้ 1 ล้านล้าน ตามด้วย 5 แสนล้าน และวันนี้เปิดช่องให้รัฐบาลกู้เพิ่มได้อีกราว 1.2 ล้านล้านบาท ไม่น่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลสร้างหนี้ ไม่สร้างรายได้ หนี้โตเร็วกว่ารายได้ประเทศถึงกว่า 2 เท่าต่อปีโดยเฉลี่ย การขยายเพดานครั้งนี้ เป็นการเปิดช่องให้สร้างหนี้ที่ไม่สร้างรายได้อย่างก้าวกระโดด

ความอันตรายไม่ได้อยู่ที่ความมั่นคงทางการคลัง แต่กลับอยู่ที่เรากำลังพึงพอใจกับ “ค่านิยมล้มเหลวซ้ำซาก” เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรากำลังสนับสนุนการกู้ไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย กู้แล้วเจ๊ง ก็กู้ใหม่ กู้อย่างไม่มีขอบเขต เป็นวังวน

การสร้างหนี้ไม่ใช่ของฟรี เป็นของที่มีราคา หนี้ที่สร้างมาจึงต้องสร้างรายได้ เมื่อหนี้ไม่สร้างรายได้ ระยะต่อไปจะได้เห็นการหารายได้ของรัฐบาลผ่านการขึ้นภาษีต่าง ๆ ซึ่งยิ่งทำร้ายเศรษฐกิจมากขึ้นไปอีก และถ้าทำไม่ได้ ท้ายสุดจึงลงเอยด้วยการกู้หนี้มาโป๊ะหนี้ต่อไปเรื่อย ๆ

ถึงเวลาแล้วที่ต้องเรียนรู้จากบทเรียนความล้มเหลวในอดีต และไม่ปล่อยให้ความล้มเหลวนั้นเกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า