"มงคลกิตติ์" อัด "นายกฯ" กลางสภาฯ "หน้าทนเหลือเกิน" ถามมีปัญญาใช้หนี้เงินกู้หรือไม่


นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 5 แสนล้านบาทว่าปัจจุบันประเทศไทยมีเสถียรภาพทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ 8.767 ล้านล้านบาท และ มีหนี้สาธารณะปัจจุบันอยู่ที่ 8.593 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54.91 % ต่อ GDP และปัจจุบันมีกรอบวินัยการเงินการคลังอยู่ที่60 % ต่อ GDP ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาทั้ง 3 รอบ ในรอบแรกรัฐบาลผิดไม่ค่อยมาก/การแพร่ระบาดรอบที่ 2 รัฐบาลผิดเต็มๆ ทั้งการเปิดบ่อน และนำเข้าแรงงานต่างด้าวโดยไม่กักตัว รัฐบาลผิด 100% และ การระบาดรอบที่ 3 รัฐบาลผิดหนักเข้าไปอีก จากคลัสเตอร์ทองหล่อ แรงงานต่างด้าวโดยไม่กักตัวถือว่ารัฐบาลผิดเป็น 200%



เมื่อย้อนกลับมาที่หนี้ภาคครัวเรือน ประเทศไทยมีหนี้อยู่ที่ 14.02 ล้านล้านบาท เฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 211,824 บาท แสดงว่าเมื่อเกิดมาประชาชนต้องเป็นหนี้เลย และในช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นรัฐบาลได้จัดทำงบประมาณขาดดุลเป็นเวลาติดต่อกัน 5 ปี ซึ่งเบ็ดเสร็จ คสช.มีงบประมาณขาดดุลอยู่ที่ 2.192 ล้านล้านบาท



และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาในการเลือกตั้งของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะทำงบประมาณทั้งหมด 3 ปีด้วยกัน คือตั้งแต่ปี 2563-2565 มีงบประมาณขาดดุลอยู่ที่ 2.738 ล้านล้านบาท ซึ่งยังไม่รวม พ.ร.ก.กู้เงินอีก 2 ฉบับ ทั้ง 1 ล้านล้าน และ ฉบับปัจจุบัน 5 แสนล้านบาท



นายมงคลลกิตติ์ ระบุว่าในวันนี้ถ้าสภาผู้แทนราษฎรมีมติผ่านร่างพระราชกำหนดกู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท ตนคิดว่าอีกภายใน 3 เดือนข้างหน้าประเทศไทยจะมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเดือนละประมาณ 1 แสน 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากสภาผู้แทนราษฎรมีมติผ่าน พ.ร.ก.กู้เงินในครั้งนี้อาจจะขัดต่อพระราชบัญญัติวินัยทางการเงินการคลัง พุทธศักราช 2561 ที่กำหนดให้ประเทศมีที่สาธารณะไม่เกิน GDP ที่ 60 %

 

ช่วงหนึ่งของการอภิปรายนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ตลอดการรับเลือกมาเป็น ส.ส. สิ่งที่เสียใจมากที่สุดคือการยกมือเลือกให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกรัฐมนตรี รอบ 2 เพราะถ้าไม่เลือกเขาวันนั้น การเลือกตั้งจะถูกล้ม เพราะตั้งรัฐบาลไม่ได้

 

"ตลอดระยะเวลา 2 ปี ผมได้ประเมินความสามารถทุกด้านของ นายกรัฐมนตรี ว่ามีความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ได้มากน้อยแค่ไหน สุดท้ายก็แก้ไม่ได้ ผมจึงมาทบทวนว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจเมื่อ 2 ปี ที่แล้วเป็นความผิดมหันต์ เป็นความผิดจริง ๆ เพราะผมเป็น 1 เสียงที่เปิดประตูให้ นายกรัฐมนตรีคนนี้ ที่ด้อยด้วยความรู้ความสามารถมาบริหารประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีที่อวดฉลาดมากที่สุด ดูถูกผู้อื่น ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เอาชนะแม้กระทั่งประชาชนตาดำ ๆ ซึ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า"

 

นายมงคลกิตติ์ ยังระบุว่า หาก พลเอกประยุทธ์ ยังอยู่ประเทศจะไม่สามารถไปต่อได้ และพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 5 แสนล้านบาท ถึงจะผ่านไปก็ผิดกฎหมาย ไม่ผ่านประชาชนก็เดือดร้อน และเชื่อว่าไม่ใช่ฉบับสุดท้าย จึงตั้งคำถามว่า "ถ้าผมจะถามท่านนายกฯ ว่าหนี้เยอะขนาดนี้  ท่านมีปัญญาใช้หนี้หรือไม่ มีความสามารถในการใช้หนี้หรือไม่ แต่เท่าที่ผมดูหนังหน้าท่านนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านหน้าทนเหลือเกิน ทนอยู่ในตำแหน่งต่อไป ท่านอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ มีประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ผมเห็นแล้วว่า ท่านนายกรัฐมนตรีไม่มีประโยชน์ต่อประเทศไทย ประชาชน รังแต่จะเป็นภาระของแผ่นดินไทยไม่รู้จบ"