วันนี้ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 มิถุนายนนี้ จะเสนอ 4 โครงการ เพื่อช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นมาตรการเพิ่มกำลังซื้อที่ ครม.เห็นชอบในหลักการแล้ว เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อกำหนดขอบเขตและรายละเอียดสุดท้ายเพื่อให้พร้อมในการดำเนินการได้ทันที ทั้ง 4 โครงการ ได้แก่

1.โครงการเติมเงินให้ผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.65 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ใช้งบประมาณ 1.64 หมื่นล้านบาท

2.โครงการเติมเงินให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ที่เป็นผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งเคยเข้าร่วมโครงการเราชนะ รวมทั้งกลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุด้วย 2.5 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

3.โครงการคนละครึ่งเฟส 3 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง รวมถึงช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยรัฐช่วยจ่ายวันละ 150 บาท ผู้ได้สิทธิจ่ายเอง 150 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการรวมเป็นเงิน 3,000 บาท โดยจะแบ่งเป็นช่วงแรก ไตรมาส 3 ของปีนี้ ทยอยจ่าย 1,500 บาท และไตรมาส 4 อีก 1,500 บาท ครอบคลุมประชาชน 31 ล้านคน

“ที่ผ่านมามีประชาชนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งแล้ว 15 ล้านคน ส่วนโครงการเฟส 3 จะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิอีก 16 ล้านคน ใช้งบประมาณกว่า 93,000 ล้านบาท

4.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศผ่านผู้ที่มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

โดยจะเปิดลงทะเบียนผ่าน www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ในการรับสิทธิใช้คูปองอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ใช้จ่ายค่าสินค้า อาหาร ค่าเครื่องดื่ม และค่าบริการ (ไม่รวมลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับยานพาหนะ ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พัก และค่าตั๋วเครื่องบิน) ในอัตรา 10-15% สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน กลุ่มเป้าหมาย 4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท”