จากกรณีที่ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำราษฎร เปิดเผยหลังออกจากทัณฑสถานหญิงกลางเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม เพิ่งได้รับทราบผลตรวจโควิด-19 และพบว่าติดเชื้อ พร้อมทั้งขอให้ทางภาครัฐและกรมราชทัณฑ์ ออกมาชี้แจงและเปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อในเรือนจำอย่างตรงไปตรงมาด้วย

ล่าสุด กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงการะบาดของโควิด-19 ในเรือนจำว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโควิด กระจายเป็นวงกว้างในทุกจังหวัด รวมถึงเรือนจำและทัณฑสถาน ต้องรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ และนำผู้ต้องขังออกศาลอยู่เสมอ จึงอาจมีการหลุดรอดของเชื้อเข้าสู่เรือนจำได้ กรณีทัณฑสถานหญิงกลาง มีรายงานว่าผู้ต้องหญิงคนหนึ่งถูกเบิกตัวออกไปนอกเรือนจำ เมื่อกลับเข้ามาในเรือนจำ พบว่าติดเชื้อโควิด จากนั้นเชื้อได้แพร่กระจายติดเชื้อกันเป็นจำนวนมาก โดยที่ผ่านมา มีมาตรการป้องกันแยกกักตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่อย่างน้อย 21 วัน พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด 2 ครั้ง ก่อนผู้ต้องขังพ้นระยะแยกกักโรค เมื่อตรวจพบนักโทษติดเชื้อจะนำส่งโรงพยาบาล รักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ ตามมาตรฐานสาธารณสุข

ล่าสุด จากการตรวจค้นเชิงรุก เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง 100%
ทัณฑสถานหญิงกลาง มีผู้ติดเชื้อรวม 1,040 คน
เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีผู้ติดเชื้อ 1,795 คน

ซึ่งทุกคนอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากส่วนใหญ่ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ หากในบางคนมีอาการหนักจะย้ายออกมารักษายังโรงพยาบาลภายนอก เชื่อว่ามาตรฐานการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์กับกระทรวงสาธารณสุข จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้ขยายตัวไปสู่วงกว้างได้ รวมทั้งมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เหมือนกับที่เคยรับมือการระบาดในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส จนเป็นผลสำเร็จ

สำหรับ 5 เรือนจำและทัณฑสถานในกลุ่มลาดยาว มีการปรับปรุงอาคารรอบเรือนจำกลางคลองเปรม 5 ตึก ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยได้ 1,010 เตียง และบางแดนมีการแยกขังผู้ป่วยไม่ให้ออกจากแดน

ทั้งนี้ข้อมูลวันที่ 5 พ.ค.64 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีจำนวนผู้ต้องขัง 3,238 คน ทัณฑสถานหญิงกลาง มีผู้ต้องขัง 4,518 คน


ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความว่า “ทราบข่าวมาว่า ในวันที่ 11 พ.ค. 2564 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ณ เรือนจำแห่งหนึ่ง มีการตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกไป 4,582 ราย พบผู้ติดเชื้อถึง 1,073 ราย ถ้าตัวเลขเป็นไปตามนี้จริง แสดงว่าการระบาดในเรือนจำ อยู่ในระดับที่รุนแรงมากแล้ว