"ณฐพร" ยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกล ปมให้ท้ายผู้ชุมนุม เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

(2 ก.พ. 2564) นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อขอให้พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 เนื่องจากมีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสถาบันพระมหากษัตริย์ ในมาตรา 45 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองกระทําการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทําการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม อันดีของประชาชน หรือกระทําการอันเป็นการทําลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ และมาตรา 92 ระบุว่าเมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทํา การอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ดังนี้ (2) กระทําการ อันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (3) กระทําการฝ่าฝืนมาตรา 20 วรรคสอง มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 36 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 72 หรือมาตรา 74

โดยนายณฐพร ยืนยันว่า การยื่นคำร้องต่อ​ กกต. ให้พิจารณายุบพรรคก้าวไกล​ครั้งนี้​ ไม่ได้ต้องการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือดิสเครดิต​พรรคการเมืองที่แยกออกมาจากพรรคอนาคตใหม่​ แต่ต้องการทำตามกฎหมายให้บังคับใช้อย่างเต็มที่​ ที่ผ่านมาไม่ได้ยื่นคำร้องเฉพาะพรรคฝ่ายค้านเท่านั้น​ แต่เคยยื่นคำร้องกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ของฝ่ายรัฐบาลเช่นกัน​ โดยหลักฐานทั้งหมดที่นำมายื่นต่อ กกต. ในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าพรรคก้าวไกล มีการกระทำซึ่งเป็นการส่งเสริม ยุยง ให้มีการชุมนุม ทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง รวมถึงกรณีที่มีผู้ชุมนุมกระทำผิดตามมาตรา 112 มีพรรคการเมืองใดให้การสนับสนุน ทั้งนำไปสู่การประกันตัว และล่าสุดมีการตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไข รัฐธรรมนูญมาตรา 112 ถือเป็นความผิดทั้งสิ้น ซึ่งหลังจากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องดำเนินการพิจารณา ตามหลักฐานที่ชัดเจนและเข้าองค์ประกอบ เพื่อส่งศาล รธน. วินิจฉัยต่อไป

นอกจากนี้ นายณฐพร ยังระบุว่า หลังจากนี้จะเข้ายื่นหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎรด้วย เพื่อขอให้สอบจริยธรรม ส.ส. ในสังกัดของพรรคก้าวไกล จากกรณีประกันตัว สนับสนุนการชุมนุม ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสถาบันพระมหากษัตริย์