ที่ประชุมครม.เห็นชอบบัตรสวัสดิการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิ์รวมกว่า 11 ล้าน 6 แสนคน โดยแต่ละคนจะได้รับเงินผ่านบัตรเดือนละ 200-300 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังได้รับส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม ส่วนลดค่าเดินทางรถเมล์ รถบขส. และรถไฟ เริ่มแจกบัตร 21 ก.ย. และ เริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง เสนอโครงการประชารัฐสวัสดิการ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยขณะนี้มีผู้ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แล้วทั้งหมด 11 ล้าน 6 แสน 7 หมื่นคน จากผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้นกว่า 14 ล้านคน โดยมีผู้ถูกตัดสิทธิ์กว่า 2 ล้าน 5 แสนคน
โดยรัฐบาล จะเริ่มแจกบัตรให้กับคนจนที่มาลงทะเบียนกับรัฐตั้งแต่วันที่21ก.ย.นี้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2560เป็นต้นไป เพื่อนำบัตรสวัสดิการดังกล่าวไปลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน รวมเงินที่รัฐต้องจ่ายทั้งสิ้น 41,940 ล้านบาทต่อปี หรือ เฉลี่ยประมาณ 3,615 ล้านบาทต่อเดือน โดยใช้งบกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่ครม.อนุมัติวงเงินไปแล้ว 50,000 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดของบัตรสวัสดิการ ผู้มีรายได้มากกว่า 30,000-100,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 200 บาทต่อเดือน หรือ 2,400 บาทต่อปี ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 300 บาทต่อเดือน หรือ 3,600 บาทต่อปี ซึ่งวงเงินที่รัฐบาลช่วยเหลือผ่านบัตร สามารถนำไปซื้อสินค้าที่ขายในร้านที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ได้ทุกชนิด ไม่เว้นแม้กระทั่งเหล้า และบุหรี่ แต่ไม่รณรงค์ให้ขายให้กับคนจน
นอกจากนี้ยังมีวงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จากร้านค้ากระทรวงพลังงาน 45 บาทต่อคนต่อ3 เดือน และช่วยเหลือลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า 500 บาทต่อเดือน วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน และวงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500บาทต่อเดือน
วงเงินที่รัฐบาลให้แต่ละเดือนนี้ จะให้เพียงเดือนละครั้ง หากใช้จนเต็มวงเงินแล้วต้องรอเดือนใหม่ ซึ่งเงินจะเข้ามาทุกวันที่ 1 ของเดือน แต่ถ้าใช้ไม่หมดเงินจะถูกตัดทิ้งไป สะสมไว้ไม่ได้ แต่ในกรณีที่เงินในบัตรหมด หากใครต้องการเติมเงินก็สามารถทำได้
สำหรับบัตรสวัสดิการจะมี 2 ประเภท คือ บัตร 1ชิปที่จะแจกให้กับคนจนที่อยู่ต่างจังหวัด และบัตรที่มี 2 ชิป หรือบัตรแมงมุม จะแจกคนจนที่ลงทะเบียนไว้ในเขตกรุงเทพฯ และอีก 6 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม จำนวน 1 ล้าน 3 แสนคน
หากใครทำบัตรหาย และมาทำบัตรใหม่ ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมทำบัตร โดยบัตรที่มี 1 ชิป เสียค่าใช้จ่าย 50 บาท และบัตรที่มี 2 ชิป เสียค่าใช้จ่าย 100 บาท