นายกรัฐมนตรี ขอให้คนไทย น้อมนำคำขวัญวันแม่ น้อมใส่เกล้า เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของตนเอง และครอบครัว พร้อมเชิญชวน ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาส ทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในช่วงค่ำวันนี้ (12ส.ค.)

นายกฯ ขอให้คนไทยนำ "คำขวัญวันแม่" น้อมใส่เกล้าเป็นแนวทาง

ช่วงค่ำวานนี้ (11 ส.ค.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า เนื่องในวันแม่แห่งชาติปีนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พระราชทาน คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2560 ความว่า "สอนให้ลูก เรียนรู้ สู้ปัญหา พัฒนา ด้วยตน จนเติบใหญ่ เพราะคนแกร่ง จะก้าว ได้ยาวไกล เพื่อมาเป็น กำลังไทย ให้แข็งแรง" ซึ่งตนเองขอให้ชาวไทย น้อมนำใส่เกล้าใส่กระหม่อม ไว้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของตนเองและครอบครัวต่อไปด้วย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพลังประชารัฐ และพลังของแผ่นดินไทย ในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2560 นี้ จึงขอเชิญชวนปวงชนชาวไทย ทุกหมู่เหล่า ทั่วราชอาณาจักรไทย ร่วมกิจกรรม ณ พระลานพระราชวังดุสิต เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคลและถวายพระราชกุศล โดยจะมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร รวม 851 รูป และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ในช่วงค่ำ รวมทั้งเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ห้างร้าน และประชาชนร่วมกันประดับธงพระนามาภิไธย "สก" และพระฉายาลักษณ์ ระหว่างวันที่ 7 – 14 สิงหาคมนี้ โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

นายกฯ แจงตั้งสนง.น้ำแห่งชาติ หวังแก้ปัญหาแบบบูรณาการ-ยั่งยืน

นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึง การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระยะยาว ว่า ผลการดำเนินการ ห้วง 3 ปีที่ผ่านมา สามารถเพิ่มความจุน้ำ และ พื้นที่ชลประทาน เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรได้รับประโยชน์ จากการดำเนินการเพิ่มเติมนี้ราว 7 แสน 2 หมื่นครัวเรือน ทั่วประเทศ

การบริหารจัดการน้ำรัฐบาล ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน มีความสำคัญและต้องดำเนินการกันอย่างบูรณาการ จึงมีแนวทางที่จะตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ให้เป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะยุบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำเท่าที่จำเป็นเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และทำให้การแก้ไขปัญหาน้ำเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ลดความซ้ำซ้อนของหน่วยงานและงบประมาณ เป็นหนึ่งในงานปฏิรูปและบูรณาการการทำงานของส่วนราชการ เพื่อให้สอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ.น้ำ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)

โดยตั้งเป้าหมายเพื่อบริหารจัดการปัญหาน้ำทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ 1.น้ำอุปโภคบริโภค 2.น้ำเพื่อภาคการผลิต ทั้งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม 3.น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ 4.ปัญหาน้ำท่วม และ 5.ปัญหาน้ำแล้ง

สำหรับการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ปี 57-60 / ระยะที่ 2 ปี 61-62 / ระยะที่ 3 ปี 63-69 ในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรทั้งระบบนี้ ได้เพิ่มเติม ค้นหาได้จากเว็บไซต์รัฐบาล www.thaigov.go.th”

นายกฯ ระบุ มีเวลาน้อยเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วนของบ้านเมือง

นายกฯ ยังกล่าวว่า รัฐบาลทราบดีว่าขณะนี้ เหลือเวลาการบริหารประเทศน้อย สิ่งที่เป็นปัญหาเร่งด่วนของบ้านเมือง ที่ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ การเร่งลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ดูแลให้ประชาชนมีโอกาสที่เท่าเทียม การพัฒนาศักยภาพคน ให้มีทักษะความรู้ เรื่องของการสร้างความมั่นคงในมิติต่างๆ

นอกจากนี้ ต้องดูแลให้ทุกฝ่ายมีหลักคิด ลัทธิ ศาสนา มีคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล ให้สังคมปราศจากความขัดแย้ง ประชาชนอยู่อย่างมีสันติสุข การยกระดับด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ต้องเร่งให้มีกฎหมายที่ทันสมัย อำนวยความสะดวก

ขณะเดียวกันต้องไม่สร้างความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนในการบังคับใช้กฎหมายด้วย นอกจากนี้ควรจะเร่งสร้างการยอมรับ ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ ในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ และศาลด้วย