'มีชัย ฤชุพันธุ์' ออกมาสนับสนุนข้อเสนอขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อเป็นการรักษาคนดีให้มีรายได้ที่เหมาะสม ด้าน'วิษณุ เครืองาม' เผยนายกฯ นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายตามกรอบเวลาแล้ว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ทางนายกรัฐมนตรี ได้นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายร่างรัฐธรรมนูญตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้แล้ว โดยส่งไปยังสำนักราชเลขาธิการ ภายในกรอบ 30 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ระบุไว้

จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการที่อยู่ในพระราชอำนาจ 90 วัน กรอบเวลาสิ้นสุดต้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนจะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัย

ส่วนการปรับแก้คำปรารภในร่างรัฐธรรมนูญนั้น รัฐบาลไม่ได้มีความกังวล เพราะได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้ว แต่ส่วนที่ต้องเว้นช่องไว้เติมนั้นมี 2 เรื่อง คือ

1.เรื่องศุภมัสดุ (สุ-พะ-มัด-สะ-ดุ) หรือ คำเริ่มต้นของเวลา โดยเรื่องนี้เว้นไว้ 2 บรรทัด และ 2.การเว้นพระปรมาภิไธยหรือพระนาม ประมาณ 1 บรรทัด ซึ่ง 2 เรื่องที่เว้นไว้เพราะต้องรอพระราช วินิจฉัย โดยให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นำส่วนที่เหลือไปเติมในภายหลัง โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด

ด้าน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูป ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เสนอเพิ่มเงินเดือนให้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า

กรธ.ไม่ได้เป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่าเงินเดือนของผู้บริหารประเทศไทย ถ้าเทียบกับต่างประเทศต้องถือว่า ของไทยอยู่ในระดับที่ต่ำ ทำให้ข้าราชการประจำหรือ ข้าราชการตุลาการไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้

ดังนั้นจึงมองว่า การขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการ ถือว่า อย่างน้อยทำให้คนที่สุจริต ไม่คดโกง สามารถอยู่ได้อย่างสมฐานะและไม่ลำบาก รวมทั้งเป็นการรักษาคนดีเอาไว้ แต่คนที่ทุจริตอยู่แล้ว ต่อให้ขึ้นเงินเดือนมากแค่ไหน ก็คงไม่พอ เพราะคนที่ทุจริต ไม่ได้ทุจริตตามอัตราส่วนของเงินเดือน แต่คำนวณตามความอยากของตัวเอง

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อเสนอการขึ้นเงินเดือนนักการเมือง เป็นเพียงความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ ของสปท. เท่านั้น แต่ส่วนตัวตั้งข้อสังเกต ว่า การปล่อยข่าวเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่จะมีการขึ้นเงินเดือนนักการเมือง มักจะถูกคัดค้านจากสังคม ดังนั้นข่าวนี้จึงไม่น่าจะเป็นผลดีต่อฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองที่จะเข้ามาจากการเลือกตั้งครั้งหน้า

จึงมองว่า แม้ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเจตนาที่ดี แต่หนทางที่จะต่อยอดให้เป็นจริงนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่เห็นประโยชน์อะไรกับข้อเสนอดังกล่าว