ชาวสุโขทัยเริ่มผลิตกระทงขายกันแล้ว แต่ปีนี้เน้นแนวคิดพอเพียง รณรงค์ใช้ลอยกระทงจากธรรมชาติ เช่น กระทงจากฝีมือของชาวบ้านรายนี้ที่จะพาไปดูกันในเช้านี้ นั่นคือ กระทงลูกมะพร้าว

นายชัยรัตน์ และนางพรหมพร ภุมราเศวต สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 633/3 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ที่มีอาชีพทำตะคันหรือถ้วยเทียนที่ใช้จุดบูชาพระรัตนตรัย ในสถานที่ต่างๆ รวมถึงตามโบราณสถานในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีความคิดว่าในปีนี้ขอทำกระทงพอเพียง เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาให้ชาวไทยได้น้อมนำมาปฏิบัติ

โดยเห็นว่าลูกมะพร้าวแห้งที่หล่นใต้ต้นเมื่อร่วงลงคลอง ลูกมะพร้าวสามารถลอยน้ำได้ จึงนำมาผ่าครึ่งตามทางยาว บางลูกมีรูปทรงแหลม พอผ่าออกมาคล้ายเรือ เมื่อนำเนื้อมะพร้าวแห้งออก ล้างให้สะอาด ใส่ไส้เทียน และเทียนที่เคี่ยวหลอมละลาย หล่อลงไป จุดไฟลอยน้ำก็กลายเป็นกระทงได้เช่นกัน ที่สำคัญต้นทุนไม่แพง จึงสามารถขายได้ในราคาใบละ 10 – 25 บาท เท่ากับลูกมะพร้าวหนึ่งลูก ทำเงินได้ถึง 50 บาท และตั้งชื่อว่า กระทงพอเพียง รับรองไม่จม ใครลอยจม ไปงมมาเปลี่ยน แต่ต้องใช้ลอยในน้ำเท่านั้น เพราะหากไส้เทียนไหม้หมดอาจจะไหม้กะลา และเปลือกมะพร้าวได้

ไส้เทียนนั้นจะชาวบ้านใกล้เคียงในชุมชน จะมารับจ้างทำ โดยคิดค่าแรงร้อยละ 50 บาท โดยการนำด้ายดิบมาหมุน ดามด้วยลวดเส้นเล็ก ทำทรงแยกเป็นสามขาเหมือนตีนกา ตามคติความเชื่อที่ว่า การใช้ด้ายดิบฟั่นทำคล้ายกับตีนกา เพื่อใช้เป็นไส้เทียนจุดบูชาในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จะเป็นการแผ่กุศลไปให้บิดา มารดา บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วอีกด้วย

สำหรับจังหวัดสุโขทัยได้ประกาศงดการจัดงานประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟไปแล้ว แต่ยังให้คงประเพณีตามวิถีชุมชนไว้ และเปลี่ยนเป็นการเปิดไฟไลท์อัพ ตามโบราณสถาน อีกทั้งให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี ถึงเที่ยงคืน ในช่วงวันที่ 10-14 พฤศจิกายน 2559

สุโขทัย เริ่มขายกระทงแล้ว เน้นพอเพียงตามรอยพ่อ