สมช.ไฟเขียว! ปฏิบัติการทางทหารทำได้ตามสถานการณ์ "บิ๊กเล็ก" เผยระงับปฏิญญาสันติภาพ - ยุติส่งเชลยศึก
วันนี้ (11 พ.ย. 68) เวลา 11:00 น. ที่ตึกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งที่ 14/2568 โดยภายหลังการประชุมร่วมกว่า 2 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากตึก สมช. โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยบอกเพียงว่าจะต้องไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อ
จากนั้น พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุม โดย พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ที่ประชุมมีการพิจารณา 3 เรื่อง โดยเรื่องหลัก คือ กำลังพลของกองทัพไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ โดยได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ ส่วนเรื่องที่ 2 คือ การที่มีทุ่นระเบิดในพื้นที่อธิปไตยของไทย ถือว่ามีผลกระทบต่ออธิปไตย และเรื่องที่ 3 คือ รัฐบาลจะปกป้องอธิปไตย ชีวิตของคนไทย และทหารไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ
ทั้งนี้ ที่ประชุม มีมติระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาไว้ก่อนทั้งหมดทุกข้อ และยุติการส่งเชลยศึกให้กับฝ่ายกัมพูชา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังสามารถคาดหวังความจริงใจจากกัมพูชาได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทางกองทัพไม่ได้คาดหวังความจริงใจจากกัมพูชาอยู่แล้ว แต่ในส่วนที่กระทำเราฝ่ายเดียว เราจะดำเนินการในเขตอธิปไตยของไทย
ส่วนจะมีการยกระดับมาตรการใดๆ หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล เผยว่า ตอนนี้ก็ยกระดับแล้ว ในเมื่อเรายุติการปฏิบัติตามปฏิญญาแล้ว เป็นการปฏิบัติการทางทหารในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่า จะมีปฏิบัติการอย่างไรบ้าง
สำหรับการเก็บกู้ระเบิดจะมีแผนการอย่างไร เพื่อไม่ให้กำลังพลได้รับผลกระทบ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดมี 2 ระดับ คือ ระดับหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ มีขีดความสามารถในการเก็บกู้ได้เอง ที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่ที่ปฏิบัติการอยู่เป็นประจำ แต่หน่วยทหารที่ปฏิบัติการในพื้นที่สามารถเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้ แต่การเก็บกู้ที่เป็นทางการ ได้มาตรฐานอย่างเต็มรูปแบบ คือ การเก็บกู้โดยหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ซึ่งกองทัพไทยเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมี 5 พื้นที่ที่หน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะเข้าไปเก็บกู้ ปัจจุบันเข้าปฏิบัติงานแล้ว 4 พื้นที่ เหลือ 1 พื้นที่ที่กัมพูชายังไม่ตอบรับ หลังจากนี้พื้นที่ที่ 5 จะเข้าเก็บกู้เลย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะมีการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างไร เช่น กรณีล่าสุดที่มีการแอบมารื้อรั้วลวดหนาม แล้วเข้ามาวางทุ่นระเบิดฝั่งไทย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ขอบอกรายละเอียด แต่มีกฎใช้กำลังอยู่ว่าเข้ามาทำอะไร ซึ่งจะมีขั้นตอนการเตือน การยิง จากอาวุธเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่า หลังจากนี้การปฏิบัติการทางทหาร ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม สมช. ให้ปฏิบัติการได้ตามสถานการณ์
ส่วนจะมีการเจรจากับกัมพูชาอีกหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ตอบว่า ไม่มี หลังจากนี้ไม่มีจากตน จากกระทรวงกลาโหม ไม่มีการหารือแบบคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) แต่การพูดคุยระหว่างประเทศมีกระบวนการสากลอยู่
ด้านนายสีหศักดิ์ ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการละเมิดปฏิญญาไทย - กัมพูชา ท่าทีของเราคือการระดับการปฏิบัติตามปฏิญญา แต่ส่วนไหนที่เราดำเนินการฝ่ายเดียวเช่นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดก็จะดำเนินการต่อ โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามกรอบอนุสัญญาออตตาวา
อีกทั้ง ตนได้คุยกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาแล้ว และบอกไปว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นการละเมิดสิ่งที่ตกลงกันไว้ รวมถึงชี้แจงกับสหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย ที่เป็นพยานว่า เหตุใดเราต้องระดับการดำเนินการตามปฏิญญา และชี้แจงข้อเท็จจริงไปที่ประชาคมโลก โดยประสานไปทางกองทัพไทย และกองทัพบก เพื่อนำข้อเท็จจริงต่างๆ ไปชี้แจงเพื่อให้เกิดความหนักแน่น และชอบธรรม
อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ปฏิญญากลับไปสู่สิ่งที่ควรจะเป็น และจำเป็นที่ฝ่ายกัมพูชาต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นการแสดงความเสียใจ การตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ และมีมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย
ส่วนหากกัมพูชา ไม่รับผิดชอบจะมีมาตรการอะไรตอบโต้เพิ่มเติมหรือไม่ นายสีหศักดิ์ ระบุว่า ตอนนี้เราก็ระงับการปฏิบัติตามปฏิญญา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เราประท้วงมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ก็ยังประท้วงอีก จะได้อะไรกลับมานั้น นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เรายังคงต้องยืนยันที่จะประท้วง เพราะเป็นการละเมิดข้อตกลงที่เรามีอยู่ และให้ประชาคมโลกเกิดความเข้าใจเหตุที่เราต้องระงับปฏิญญาทุกข้อที่ลงนามไว้เช่นการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ เว้นแต่เก็บกู้ทุ่นระเบิดที่เราดำเนินการของเราเองได้ไม่ใช่การประท้วงอย่างเดียว และการประท้วงที่ว่าถือเป็นการประณามในคราวเดียวกันด้วย
ส่วนมาตรการที่ออกมาถือว่าเด็ดขาดสูงสุดแล้วใช่หรือไม่ นายสีหศักดิ์ เผยว่า ก็ต้องดูท่าทีการตอบสนองของกัมพูชา เราก็ต้องยกระดับความเด็ดขาดของเราได้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กัมพูชาชี้แจงว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เขาก็แสดงท่าทีเช่นนั้นมา แต่เราคิดว่าสิ่งที่ชี้แจงมาสำหรับประเทศไทยยังไม่เพียงพอ และยังไม่พอใจ จากนี้คงต้องรอดูว่ากัมพูชาจะมีท่าทีอย่างไรต่อการตัดสินใจของเราในครั้งนี้เป็นขั้นเป็นตอน ส่วนการเจรจาเรายังไม่พูดถึงเพระไม่มีพื้นที่ในการพูดคุย
ส่วนที่กัมพูชาแสดงท่าทีกังวลต่อการระงับปฏิญญา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เรามีท่าทีชัดเจนที่สั่งระงับ และดำเนินการให้เขาแสดงความรับผิดชอบรอดูท่าทีของเราแล้วกัน ส่วนการปักหมุดชั่วคราวหลังจากนี้ ก็ไม่มีเพราะเราระงับทุกการดำเนินการ

















