ฟันร้านค้าทุจริตคนละครึ่งพลัส เพิ่มอีก 7 ราย คลังจับมือตำรวจกระจายกำลังทั่วประเทศ
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังดำเนินการเอาผิดบุคคลที่ทุจริตในโครงการคนละครึ่งพลัส เพิ่มอีก 7 ราย จากที่พบผู้กระทำความผิดในวันแรกที่เริ่มโครงการ 3 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ประกอบการร้านค้าที่มีแอปพลิเคชันถุงเงิน กระทรวงการคลังยืนยันจะดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำและผู้ร่วมกระทำความผิดทุกราย
กระทรวงการคลังได้ร่วมมือกับตำรวจในการะกระจายกำลังทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบการกระทำผิดในโครงการดังกล่าว รวมถึงเราได้มีระบบการวิเคราะห์ข้อมูล ที่เซ็ตรูปแบบระบบการใช้จ่ายที่สามารถตรวจพบการกระทำความผิดได้ เช่น ร้านค้าที่ร่วมโครงการได้ขายสินค้าในเวลาหนึ่ง จากนั้นในเวลาไม่ห่างกันมากก็มีการขายสินค้าพื้นที่อื่นห่างไกลออกไป ซึ่งถือว่า เป็นความผิดปกติก็จะมีการเข้าไปตรวจสอบ
“เราจะกระจายกำลังทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบ โดยในฝั่งธนาคารกรุงไทยกับผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลโดยใช้ data analysis หากพบการทุจริตจะระงับการซื้อขายทันที เพื่อให้มั่นใจว่า การใช้จ่ายในโครงการครั้งนี้ เป็นไปอย่างตรงเป้า ตรงกลุ่มตามที่ต้องการ ถ้ามีคนทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราจะดำเนินการอย่างจริงจัง และจำเป็นต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ถ้ามีข้อผิดพลาด เราก็ยินดีให้เข้ามาชี้แจง ที่ห่วงหนัก คือ เริ่มมีร้านค้าบอกว่า ได้รับโทรศัพท์(มิจฉาชีพ)มาคุย ไม่ต้องกังวลให้ตัดสายไปเลย เราจะมีระบบการติดต่อถึงตัว” นายวินิจ ระบุ
สำหรับบรรยากาศการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งพลัส วันนี้ (30 ตุลาคม 2568) พบว่า ยังมีการใช้จ่ายกันอย่างคึกคัก โดยช่วง 10.00 น. มียอดการใช้จ่ายสะสมกว่า 2.2 พันล้านบาท จากผู้ใช้สิทธิ์กว่า 8.7 ล้านราย ร้านค้าที่ใช้จ่ายกว่า 5.4 แสนราย
ขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 6.9 แสนราย ในจำนวนนี้กว่า 3.4 แสนราย เป็นร้านค้าที่ขายอาหารและเครื่องดื่ม ที่เหลือเป็นร้านค้าสินค้าโอทอปและร้านธงฟ้า ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสานราว 20% ที่เหลือเป็นภาคต่างๆ 14-15% และภาคตะวันตกน้อยที่สุด ส่วนการใช้จ่ายสินค้าส่วนใหญ่เป็นอาหารและเครื่องดื่มราว 52%

















