"เท้ง" จี้ "ภูมิธรรม" ย้อนแย้ง ยุบสภาหรือเลือกนายกฯ ใหม่ หลังส่ง "ชัยเกษม" ชิงตำแหน่ง ควบ เสนอความเห็นเพิ่มเติมต่อสำนักองคมนตรี ส่งสัญญาณ ภูมิใจไทย ถอนฟ้อง ม.112-157 ย้ำจุดยืน ไม่เห็นด้วยใช้นิติสงครามกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม เชื่อมั่น ผู้สนับสนุนพรรคเข้าใจ หากกำกับ รบ. เสียงข้างน้อยได้ตาม MOA หลังมติโหวต "อนุทิน" ทำความนิยมพรรคลดลง

วันนี้ (4 กันยายน 2568) เวลา 09.48 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา เพื่อขอความชัดเจนจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กรณีการทูลเกล้าฯ ยุบสภา

นายณัฐพงษ์ บอกว่า เมื่อวานนี้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุระเบียบวาระเรื่องการกำหนดวันประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว และพรรคเพื่อไทยยังได้มีมติเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย แต่กลับมีกระแสข่าวว่า ทางรัฐบาลเตรียมที่จะเสนอความเห็นเพิ่มเติมต่อสำนักองคมนตรี เพื่อยืนยันว่า การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจในการทูลเกล้าฯ ยุบสภา ซึ่งในส่วนตัวและพรรคประชาชน มีความเห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี หรือรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจในการยุบสภา อย่างไรก็ตามพวกเราไม่ได้มีอำนาจที่จะตีความเรื่องนี้ ว่า จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร เพราะอำนาจในการตีความอยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวนายภูมิธรรมเอง ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้นายภูมิธรรมและรัฐบาล ออกมาชี้แจงให้เกิดความชัดเจน ว่า ตกลงแล้วรัฐบาลในขณะนี้ยังคงเดินหน้าในกระบวนการยุบสภาอยู่หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังวลหรือความขัดแย้งทางด้านข้อกฎหมาย และเพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อได้อย่างถูกต้อง

โดยหากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี กับการยุบสภายังคงไม่ชัดเจนแบบนี้ ส่วนตัวเห็นว่าก็ควรจะต้องดำเนินการตามระเบียบวาระที่ได้มีการบรรจุในการประชุม โดยใช้อำนาจจากประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ได้บรรจุไปแล้วเรียบร้อยต่อไปในวันพรุ่งนี้

นายณัฐพงษ์ ยังบอกอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ยังมีเรื่องการดำเนินคดี ต่อนายภูมิธรรม ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 112 หรือมาตรา 157 ซึ่งส่วนตัวและพรรคประชาชนไม่เห็นด้วยที่ใช้เครื่องมือทางกฎหมายในการดำเนินคดีดังกล่าว จึงอยากจะเรียกร้องให้มีการถอนคำกล่าวโทษ เพื่อสร้างบรรยากาศที่พวกเราจะสามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ พร้อมย้ำว่า พรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งหรือดำเนินกระบวนนิติสงครามไม่ว่ากับฝ่ายใด

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเกี่ยวกับมติของพรรคประชาชน ที่สนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะรัฐบาลยังอยู่ในช่วงการดำเนินการยุบสภา นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ และขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า มติของพรรคประชาชนผ่านการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน และไตร่ตรอง ทบทวนมาอย่างดีแล้ว แต่หากรัฐบาลยังคงย้อนแย้งในตัวเอง และคาราคาซัง ไม่ทำความชัดเจนให้เกิดขึ้น ก็เห็นว่า ควรต้องดำเนินการตามที่ประธานสภาฯ ได้ใช้ดุลยพินิจในการบรรจุระเบียบวาระเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป

 

 

ส่วนกรณีที่นายฟูอาดี้ พิศสุวรรณ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีพรรคประชาชนมีมติโหวตสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ว่า พรรคประชาชนลุแก่อำนาจตั้งแต่ยังไม่มีอำนาจนั้น นายณัฐพงษ์ บอกว่า ส่วนตัวและพรรคประชาชนพูดมาตลอด ว่า ไม่เห็นด้วยกับนิติสงคราม และสิ่งที่ประชาชนไม่อยากจะเห็นต่อจากนี้ คือ การที่ใครก็ตามที่กำลังจะขึ้นมามีอำนาจ แล้วใช้กระบวนการทุกอย่างเล่นงานคู่ขัดแย้งฝ่ายตรงข้าม ซึ่งหากเกิดกรณีในลักษณะนี้ขึ้น ไม่ว่าจะพรรค ภูมิใจไทยหรือใครก็ตามที่พรรคประชาชนได้ยืนยันในมติไปแล้ว ในฐานะหัวพรรคก็ได้ส่งสัญญาณไปแล้วว่า ไม่เห็นด้วยในการฟ้องร้องนายภูมิธรรม

ทั้งนี้ จะเป็นการสะท้อนว่าพรรคประชาชนถูกหลอก หรือไม่สามารถคุมพรรคภูมิใจไทยได้ หรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า สิ่งเหล่านี้อาจไม่ได้อยู่ในข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร และส่วนตัวคงไม่ได้มีอำนาจที่จะไปควบคุมกลไกภายนอกสภาที่ไปยื่นฟ้องร้องดำเนินคดี หรือกำกับการทำงานของ สส. แต่ละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสังกัดอยู่พรรคอื่นๆ ได้ แต่หากมีการดำเนินการอะไรไปแล้ว ยืนยันจะใช้เสียงที่มีในสภา 143 เสียง กำกับทิศทางของประเทศให้เดินไปตามทิศทางที่เห็นว่าถูกและควร โดยใช้กลไกรัฐบาลเสียงข้างน้อยและฝ่ายค้านเสียงข้างมาก

รวมถึงหากมีการกระทำใด ๆ ที่วิญญูชนเข้าใจได้ว่าไม่ถูกต้อง อย่าง การเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อล้างคดีที่เป็นผลประโยชน์ให้กับพรรคพวกของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคใดก็ตาม ในฐานะฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ รวมถึงยังมีกลไกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ในการที่จะกำกับทิศทางของรัฐบาลได้ด้วย

ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงกระแสความนิยมต่อพรรคประชาชน หลังมีมติสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ บอกว่า หากประเมินในช่วงสั้น ๆ ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า ผู้สนับสนุนหรือโหวตเตอร์ของพรรคบางส่วนรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งในส่วนนี้พวกเข้าใจดี แต่เชื่อว่าผู้บริหารพรรคเองได้รับฟังเสียงจากทุกองคาพยพอย่างรอบด้านแล้ว ก่อนจะออกมาเป็นมติของพรรค แต่ในช่วง 4 เดือนหลังจากนี้ หากพรรคประชาชนสามารถกำกับทิศทางให้เดินไปสู่ตามข้อตกลงที่ได้มีการลงนามร่วมกันกับพรรคภูมิใจไทยได้ ก็เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจ