"พรรคเพื่อไทย" ประกาศนับหนึ่ง! กระบวนการ "ยุบสภา" ยืนยันอำนาจเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง

ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ “ภูมิธรรม” ทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว รายละเอียดรอแถลงอย่างเป็นทางการ

 

วันที่ 3 กันยายน 2568 เพจพรรคเพื่อไทย โพสต์รายงานความคืบหน้าที่รัฐสภา ว่าเมื่อเวลา 09.00 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยหลังจากที่พรรคประชาชน มีมติสนับสนุน นายอนุทินชาญวีรกุลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ในด้านของฝ่ายนิติบัญญัติเราเตรียมตัว หากประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุวาระในการเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ พรรคเพื่อไทยพร้อมจะเสนอชื่อนานชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย


นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า กระบวนการทั้งหมดที่ตนรับทราบมาเมื่อเช้า นายภูมิธรรมเวชทชัยรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการเรื่องการทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว แต่ในรายละเอียดขอให้นายภูมิธรรมเป็นผู้แถลง จึงถามย้ำว่า ขณะนี้ยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้วใช่หรือไม่ นายศวงศ์กล่าวว่า ใช่ครับ


“ในส่วนที่นายภูมิธรรมรับผิดชอบ นายภูมิธรรมได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว”


สำหรับเหตุผลในการทูลเกล้าฯ ยื่นยุบสภานั้น นายสรวงศ์ ระบุว่า มีหลายสาเหตุมาก ขณะนี้เดินต่อไม่ได้แล้ว พรรคประชาชนประกาศสนับสนุนให้แคนดิเดตพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับการพักประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้น รัฐบาลจะมีเสียงเพียง 130 กว่าเสียง จึงถามว่าความเชื่อมั่นอยู่ที่ไหน จริง ๆ มันเดินต่อได้ยาก ในฐานะ สส.คนหนึ่ง ดูแล้วไม่น่าไปต่อได้


ผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลในการขอยุบสภาหรือไม่ เพราะมีหลายฝ่ายท้วงติงว่าไม่สามารถทำได้ นายสุรวงศ์ กล่าวว่า เรามีความมั่นใจ ส่วนฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยมีความเห็นที่แตกต่างในเรื่องนี้ และนายภูมิธรรมได้ดำเนินการไปแล้ว


รับ​ "เพื่อไทย" เห็นชอบให้ยุบสภา ​ย้ำ​ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ​ มีอำนาจเต็ม​ ชี้​ หากปล่อยกลไกเดินต่อทำรัฐบาลเป็ดง่อย​ เลือกมาเพื่อยุบสภา ไม่ได้ทำงาน


เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (3 ก.ย. 68) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่า เท่าที่ได้พูดคุยกันเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย. 68) กับแกนนำรวมถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องคิดว่าหากคิดวิเคราะห์ดี ๆ จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเลือกไปเพื่อยุบสภา เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้ว และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาหลังจากนั้นภายใน 4 เดือน ก็จะต้องมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็จะมีการกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศแบบจริงจัง แต่มายุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าคิดว่า เป็นกระบวนการที่เลือกผู้นำประเทศแต่ไม่ได้บริหารประเทศ โดยในเฉพาะช่วงวิกฤตเช่นนี้


นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่จะเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องมองถึงเอกภาพถึงการเป็นพรรคการเมืองก็เป็นปัญหา พรรคนี้ครึ่งหนึ่ง พรรคนั้นค่อนหนึ่ง หรือพรรคนั้นมีงูเห่าเท่านั้นเท่านี้ตัว ความสง่างาม และความเป็นประชาธิปไตย จะเป็นปัญหา ซึ่งเราจะคิดว่าถ้าเลือกทางนี้ท้ายที่สุดจะถูกต้องหรือไม่ จึงคิดว่าเมื่อจะยุบสภาอยู่แล้ว ทางที่ดีที่สุด ยุบไปเลยไม่ดีกว่าหรือ เพราะหากรัฐบาลที่เลือกเข้าไปก็จะกลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ก็ยุบเสียเลย สมมุติอย่างนี้ ซึ่งจากการพูดคุยก็คิดว่าเหมาะสม แต่อำนาจการตัดสินใจก็เป็นเรื่องของผู้ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี


นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาการยุบสภามีอยู่ 2 ประการ คือมีอำนาจหรือไม่ในการเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภา ซึ่งก็จะมีความเห็นจาก เลขากฤษฎีกา ที่บอกว่าไม่มีอำนาจแต่หลายความเห็นก็บอกว่ามีอำนาจ ซึ่งข้อสังเกตของตนเองมีอยู่ว่า สถานการณ์ตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้ ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพียงแต่ทำหน้าที่ไม่ได้ แต่หากถามว่าขณะนี้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี คำตอบคือนายภูมิธรรม ที่ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอำนาจเต็ม นี่คือข้อสังเกตในเรื่องอำนาจ


ส่วนประการที่ 2 ที่มองว่าเป็นพระราชอำนาจ จะไปก้าวร่วงอะไรหรือไม่ จริงอยู่ที่เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กฎหมายระบุไว้ว่า ให้ตราการยุบสภาให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา คำถามคือใครเป็นผู้นำเสนอ และผู้ที่ต้องรับสนองพระราชโองการ คือผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภา สุดแล้วแต่จะเป็นพระบรมราชวินิจฉัย เราก้าวล่วงไม่ได้ ตนจึงคิดว่าน่าจะไปได้ จึงให้นายภูมิธรรมคิดดูว่าจะทำอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งฟังดูท่านก็มองว่า ควรจะไปทางนี้ได้อยู่เหมือนกัน


นายชูศักดิ์ ย้ำว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี เลือกไป 4 เดือนก็ต้องยุบสภา จะเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติไปเสียมากกว่า ซึ่งข้อสำคัญคือกระบวนการเลือก ต้องมีความสง่างาม


เมื่อถามว่านายภูมิธรรมนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องถามนายภูมิธรรม ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี โดยนายภูมิธรรมจะตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างไร แต่ในการหารือมีการคุยกันถึงเหตุผลในความเป็นไปที่ถูกที่ควร ยังไม่ได้เป็นมติพรรค แต่เป็นการหารือของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบคุยกันแล้วมีข้อสรุปประมาณนี้ ส่วนถ้ามีการไปร้องศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ต้องวินิจฉัย แต่ข้อสังเกตของตน ถามว่าขณะนี้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี


“มันไม่เหมือน เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีคือท่านภูมิธรรมมีอำนาจเต็ม ไม่ได้ไปก้าวล่วงอะไร เพราะต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในพระราชกฤษฎีกาต้องระบุ ถึงเหตุผลในการยุบสภา สุดแต่พระบรมราชวินิจฉัยที่จะเห็นสมควรประการใด เป็นหลักธรรมดาทั่วไป” นายชูศักดิ์ กล่าว


ส่วนความชัดเจน นายภูมิธรรมจะสามารถบอกได้วันนี้หรือไม่เพราะพรรคประชาชนประกาศแล้วว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย นายชูศักดิ์ กล่าวว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวให้นายภูมิธรรมแถลงว่าจะเป็นอย่างไร


ถามย้ำว่าเรื่องนี้ นายภูมิธรรมสามารถดำเนินการได้หรือไม่หรือต้องไปถามพรรค เพื่อให้เป็นมติ นายชูศักดิ์กล่าวว่า นายภูมิธรรมตัดสินใจได้เพราะได้รับมอบหมายจากพรรคมาแล้ว


ส่วนถ้ามีการประกาศยุบสภาแล้วมีผู้ไปร้องแล้วกระบวนการจะชะลอหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่าเมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ก็ต้องรอว่าผลจะเป็นอย่างไร ถามต่ออีกว่า หากมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วกระบวนที่สภาการเลือกนายกฯจะทับซ้อนกันหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่าสภาก็ต้องเอาเรื่องนี้ไปคิดด้วย


ส่วนถ้าหากมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญกระบวนการจะต้องหยุดชะงักหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ถามว่าเป็นไปได้ไหมในขณะนี้เป็นไปได้ และระหว่างนี้รัฐบาลรักษาการก็ยังทำหน้าที่