แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีถวาย "พระชัยวรมัน" เสริมสิริมงคลชาวนครพนม พร้อมย้ำสถานการณ์ชายแดนปกติ ไร้กังวล แม้การเมืองภายในประเทศยังไม่นิ่ง

วันที่ 21 มิถุนายน 2568 ที่จังหวัดนครพนม พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาเป็นประธานในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ถวาย “พระประธานสมัยพระชัยวรมัน” เนื้อสำริดสนิมเขียว ปางสะดุ้งมาร ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว ณ วัดสว่างสุวรรณาราม ตำบลหนองแสง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม โดยมีพุทธศาสนิกชนและประชาชนชาวนครพนมเข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น บรรยากาศเต็มไปด้วยศรัทธาและความปลาบปลื้มปิติ






ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนว่า "ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงในการนำมาซึ่งการใช้อาวุธซึ่งกันและกันนะครับ ยังไม่มีเหตุรุนแรงอะไร ก็เป็นปกติ หลังจากที่เราปรับกำลังที่ช่องบกแล้วสถานการณ์ทั่วไปก็ปกติ แต่ว่ากำลังของทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังอยู่ปกติ ยังไม่มีการคุกคามที่นำไปสู่การปะทะกัน"




เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ฝั่งกัมพูชายังคงอยู่ในเขตของตนเอง ไม่ได้มีการขยับถอยออกไป พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า "ไม่มีครับ ยังอยู่ในเขตใครเขตมัน" และเมื่อถามถึงความหนักใจต่อสถานการณ์ในอนาคต แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบอย่างหนักแน่นว่า "ไม่หนักใจครับ เราก็ต้องแก้ปัญหาไปตามสถานการณ์ ตามเหตุการณ์การเมือง บ้านเมือง รัฐบาลก็ต้องแก้ไปในระดับรัฐบาล ส่วนในพื้นที่ก็พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย หลัก ๆ เราก็พูดคุยกันกับกำลังทหารในพื้นที่ ของไทยและกัมพูชาก็พูดกันประจำ"




สำหรับความเสี่ยงที่จะถึงขั้นรุนแรง แม่ทัพภาคที่ 2 ชี้แจงว่า "ขึ้นอยู่กับนโยบายของทางรัฐบาล และของกัมพูชาด้วยครับ" และเน้นย้ำว่าสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ยังไม่นิ่งนั้น "คือไม่มีผลกับการปกป้องอธิปไตยนะครับ ส่วนเรื่องการเมืองเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่ต้องแก้ไขส่วนของการเมืองไป ส่วนกองทัพมีหน้าที่รักษาอธิปไตย แยกกันปฏิบัติอยู่แล้วครับ" โดยย้ำว่าการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมาตรการตามแนวชายแดน ซึ่งกองทัพกำกับดูแลอยู่แล้ว


พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ย้ำว่ามีการพูดคุยกันตลอดทั้ง 4 เหล่าทัพ มั่นใจในขีดความสามารถในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร และกล่าวถึงกรณีมีชาวกัมพูชามาร้องเพลงที่ปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นพื้นที่ใหม่ที่มีการแจ้งเตือนและประสานกับกัมพูชาว่าไม่ควรให้เกิดขึ้นอีกว่า "ผมคิดว่าน่าเป็นการเมืองมากกว่าครับ คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับทหารตามแนวชายแดน เพราะกัมพูชาถ้าเขาจะปฏิบัติเขาต้องฟังนโยบายสูงสุดของผู้นำเขาอยู่แล้ว"