นักเคลื่อนไหวทางการเมืองรวมตัวแถลง "รวมพลังแผ่นดิน" เรียกร้องนายกฯ ต้องลาออก นัดชุนนุมใหญ่ อนุสาวรีย์ชัยฯ เสาร์ 28 มิ.ย.นี้ 4 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่ม

วันที่ 20 มิถุนายน2568 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน กลุ่มอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มอดีตกปปส. กลุ่มอดีตนปช. กลุ่มคปท และนักวิชาการ ศิลปินนักแสดง ร่วมกันแถลงข่าว ‘รวมพลังแผ่นดิน’ แสดงจุดยืนในการให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง และเรียกร้องให้เหล่าพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากรัฐบาล หลังจากที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ประเทศกัมพูชา กับผู้นำประเทศไทย

โดยผู้ที่เข้าร่วมในการแถลงข่าวมีทั้งหมดกว่า 40 คน ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายนิติธร ล้ำเหลือ, นายพิชิต ไชยมงคล, นายนัสเซอร์ ยีหมะ, นายใจเพชร กล้าจน, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายแก้วสรร อติโพธิ, นายขวัญสรวง อติโพธิ, นายปรีดา เตียสุวรรณ์, นายสมชาย แสวงการ, นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์, นายประสาร มฤคพิทักษ์, นายจเด็จ อินสว่าง, นายประพันธ์ คูณมี, พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส, พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม, พล.ท. กนก เนตรคเวสนะ, พล.ท. นันทเดช เมฆสวัสดิ์, พล.ต.นพ. เหรียญทอง แน่นหนา, นายกษิต ภิรมย์, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นายถาวร เสนเนียม, นายถวิล เปลี่ยนศรี, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นางรสนา โตสิตระกูล, ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์, นายคมสัน โพธิ์คง, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, นายเจษฎ์ โทณะวณิก, นายไชยันต์ ไชยพร, นายนันทิวัฒน์ สามารถ, นายวีระ สมความคิด, เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์, นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก, นางหฤทัย ม่วงบุญศรี (อุ๊ หฤทัย), นายชัชชัย สุขขาวดี (หรั่ง ร็อคเคสตร้า), นายสาวิทย์ แก้วหวาน, นายมานพ เกื้อรัตน์, นายคมสันต์ ทองศิริ, นางณีรนุช จิตต์สม, นายเสน่ห์ หงษ์ทอง และเครือข่ายองค์กรแรงงานรัฐวิสาหกิจ

โดย นายนิติธร เริ่มต้นด้วยการกล่าวแถลงการณ์ เนื้อหาโดยสรุป ระบุว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ผู้บริหารและผู้บัญญัติกฎหมายของไทย รวมถึงคณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภา ไม่ว่าจะมาด้วยวิธีใด ไม่ได้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชน ทำให้เกิดวิกฤตการณ์อย่างกว้างขวางและรุนแรง ทั้งด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ กระบวนการยุติธรรม ความมั่นคง และคุณธรรม

วิกฤตเหล่านี้มีสาเหตุมาจากการที่ผู้มีอำนาจไม่เคารพกฎหมาย ทุจริตฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจ และขาดความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไร้ผล นอกจากนี้ ยังมีขบวนการสมคบคิด ที่ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลจากหลายฝ่าย เช่น การเมือง ทุนผูกขาด ความมั่นคง เจ้าหน้าที่รัฐ และองค์กรอิสระ ที่ร่วมกันทำลายรัฐธรรมนูญ หลักนิติธรรม คุณธรรม และอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงขัดขวางการปราบปรามการทุจริต

ที่เลวร้ายที่สุดคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้แสดงให้เห็นถึงความไร้ความสามารถอย่างชัดเจน และมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะการกระทำที่อาจผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราว่าด้วยความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร และขัดต่อรัฐธรรมนูญ หมวด 5 ว่าด้วยหน้าที่ของรัฐ มีหลักฐานตามข่าวสาธารณะที่บ่งชี้ถึงการสมคบคิดและการใช้อำนาจเพื่อตอบสนองความต้องการของ ‘อริราชศัตรู’ ซึ่งมีเป้าหมายรุกล้ำอำนาจอธิปไตยและยึดครองประเทศไทย พฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน และขัดต่อคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่ง

แม้จะมีข้อเท็จจริงปรากฏชัดและนายกรัฐมนตรีรวมถึงคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลก็ยอมรับ แต่พวกเขาก็ยังคงสนับสนุนให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งอาจถือได้ว่ามีพฤติกรรมร่วมกันเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ และกระทำการผิดกฎหมาย รวมถึงขัดต่อรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน

เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความมั่นคง และอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย ตลอดจนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชน แถลงการณ์จึงเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที เนื่องจากสิ้นความชอบธรรมแล้ว

อาจารย์ปานเทพ กล่าวว่า วันนี้มาในสถานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน บ้านพระอาทิตย์และเป็นตัวแทนของ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เพื่อมาเป็นสักขีพยานและการประกาศแถลงการณ์ของภาคประชาชน รวมพลังแผ่นดิน โดยที่ทำกิจกรรมในวันนี้ พี่น้องประชาชนมารวมตัวกัน มีเป้าหมายเดียวกันคือปกป้องประเทศชาติ

มีคนบอกว่า เราถูกยั่วยุจากต่างชาติทำให้แตกแยกกัน เราจึงต้องสามัคคีกัน แต่ท้ังนี้เราจะสามัคคีกับรัฐบาลที่ปกป้องชาติเท่านั้น ไม่ใช่รัฐบาลที่ชังชาติ ดังนั้นการที่ประชาชนมารวมตัวกันในวันนี้ จึงขอย้ำว่าประชาชนทั้งหมดเราสามัคคีกันในการปกป้องแผ่นดิน เราเห็นว่าภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติเมื่ออยู่นอกประเทศ เราก็ต้องกำจัดผู้ที่เป็นมิตรกับอริราชศัตรูด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อรัฐบาลถูกอัดคลิปด้วยผู้นำกัมพูชาและปรากฏชัดเจนว่ารัฐบาล โดยคุณอุ๊งอิ๊งนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “อย่าฟังแม่ทัพภาค 2 เพราะอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับเรา สิ่งที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูดออกไปนั้นไม่เป็นประโยชน์ และเราไม่เห็นด้วย เราที่หมายถึงไม่ใช่กัมพูชา แต่หมายถึงคุณคุณอุ๊งอิ๊งและฮุนเซน “

ทั้งนี้ เราจะสามัคคีกับคนที่รักชาติและไม่ขายชาติ วันนี้จึงมาเพื่อเป็นพยานและสนับสนุนในกิจกรรมของภาคประชาชนที่จัดในวันนี้ ตนย้ำว่ามูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และบ้านพระอาทิตย์ยินดีที่จะเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายจตุพร กล่าวว่า บัดนี้เป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับคนไทยและประเทศไทย นายกรัฐมนตรีเป็นคนของฝ่ายตรงข้าม เพราะฉะนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เราไม่สามารถที่จะให้นายกคนนี้บริหารประเทศไทยต่อไปได้แม้แต่เพียงวันเดียว และพรรคการเมืองใดเมื่อฟังคลิปการพูดระหว่างสมเด็จฮุนเซนและนางสาวแพทองธาร แล้วยังต้องการร่วมรัฐบาลกันต่อ “พวกคุณเลยคำว่าพายเรือให้โจรนั่งไปแล้ว แต่คุณกำลังร่วมกันพายเรือไปขายชาติ พายเรือไปร่วมกันทรยศชาติ” ผมไม่เคยเจอนายกรัฐมนตรีของประเทศไหนที่ตัดหัวแม่ทัพของตัวเองส่งบรรณาการให้กับประเทศกัมพูชาเหมือนกับนายกรัฐมนตรีคนนี้ วันนี้เราอย่าติดกับ ที่กัมพูชาเสี้ยมให้คนไทยแตกแยก แต่คนไทยต้องสามัคคีเพื่อจัดการคนไทยที่ทรยศและขาขายชาติก่อน และค่อยมาร่วมสามัคคีกัน

วันนี้แม้ว่ากัมพูชาต้องการอะไร ไทยไม่ต้องทำอย่างนั้น ผมขอบอกกับพี่น้องว่าตรรกะวิบัติ สิ่งที่เราทำ ไม่ได้ทำตามกัมพูชา แต่เราทำตามหัวใจของคนไทยต่างหาก // และกลายเป็นว่าความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากคลิปหลุดเกิดจากการบันทึกเสียงระหว่างการสนทนา และไม่ว่าจะใช้โทรศัพท์ส่วนตัวในการสนทนาเรื่องประเทศชาติ แต่คุณไม่มีสิทธิ์พูดด้อยค่าแม่ทัพที่ไปรบแทนคนไทยด้วยลักษณะแบบนี้ ถ้าคลิปไม่หลุดพูดได้ ถ้าคลิปไม่หลุดจะไม่เป็นภัยความมั่นคงใช่ไหม คุณใช้โทรศัพท์ส่วนตัวในการคุย แต่พอมีเรื่อง คุณใช้กระทรวงการต่างประเทศ ใช้กองทัพ ในการแก้ไข เรื่องราวผ่านมาเกือบเดือน คุณไม่เคยไปที่ช่องบก แต่วันนี้เพิ่งจะไป พอมีเรื่องส่วนตัวก็คว้าเสื้อเหลืองใส่ทันที

เพราะฉะนั้น พวกเราพี่น้องคนไทย เรามีภาระหน้าที่เรื่องการปกป้องอธิปไตยของชาติ ที่ผ่านมาเราเห็นว่ากัมพูชาวางยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ในแต่ละขบวนการ ขอฃเรานั้นประชาชนรู้เท่าทัน กองทัพเท่าทัน แต่รัฐบาลนอกจากหน่อมแน่มแล้วยังโง่อีกต่างหาก มันสะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมที่ผ่านมามันถูกออกใบเสร็จเป็นคลิปลับ คำตอบทั้งหมดอยู่ในคลิปเสียงดังกล่าวแล้ว

และสถานการณ์ตอนนี้หนักขนาดนี้พรรคการเมือง พรรคร่วมอาจจะใช้ต่อรองกับพรรคเพื่อไทยเพราะเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุด เจรจาในการขอเพิ่มกระทรวง แต่คุณควรรู้อย่างหนึ่งว่าไม่ได้อยู่ที่เสียง อย่างสมัยของนายทักษิณ ที่มี 377 เสียง ก็อยู่ไม่ได้แล้วคุณจะอยู่ได้อย่างไร

พร้อมบอกถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่บอกว่า จะไปแจ้งให้นายกรัฐมนตรีลาออก ถ้าไม่ลาออกจะถอนตัว ฟังผมดีๆ รวมไทยสร้างชาติไม่ต้องถึง 36 เสียงหรอก 18 เสียงซีก พีรพันธ์ ถอนตัวออกมา พวกนี้ก็เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยไปต่อไม่ได้อยู่แล้ว

ดังนั้นผมขอเรียนกับพี่น้องว่าเรามีหน้าที่ในการดูว่าใครอยู่ในเรือลำนำบ้าง ถ้าคุณพายเรือไปขายชาติ ประชาชนมีหน้าที่จมเรือนี้

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงประเด็นสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน โดยเริ่มจากการพูดถึงคลิปเสียงที่หลุดออกมา ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคงได้รับฟังกันหมดแล้ว พร้อมชี้แจงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ นายทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องนักเรียนตำรวจกัน แต่ปัจจุบันต้องมายืนอยู่คนละฝั่ง เพราะตนเคยให้ข้อสรุปมาแล้วว่า นายทักษิณดำเนินกิจกรรมทางการเมืองโดยมีเป้าหมายที่จะเลียนแบบสมเด็จฮุนเซน ที่มีการยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์กัมพูชามาปกครองเองจนเติบโตมาปกครองประเทศได้ ตนจึงเชื่อว่านายทักษิณต้องการนำระบบการเมืองแบบฮุนเซนมาใช้ในประเทศไทย แต่ยังไม่สำเร็จ

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ มองว่า นายทักษิณพยายามทุกวิถีทางการเมืองเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนเองมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม เนื่องจากนายทักษิณเป็นนักธุรกิจและพ่อค้า ย่อมแสวงหาผลประโยชน์ มีเงินทองและทรัพย์สินสะสมจำนวนมาก หากสังเกตจะเห็นว่าพรรคการเมืองที่ถูกตัดแยกออกไป ไม่ว่าจะเป็นพลังประชารัฐ หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย ล้วนแล้วเป็นการตัดตอนทางการเมือง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกันเพื่อหยุดระบอบทักษิณให้ได้

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ยังย้อนรำลึกถึงช่วงที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่าที่เคยบอกว่าหากจะสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากเผด็จการ ยอมเป็นฝ่ายค้านดีกว่า เพราะเป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ แต่พอถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ท่านก็ต้องเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล จนกระทั่ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 พรรคเสรีรวมไทยก็ได้ลาออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นฝ่ายค้านได้ 1 ปีแล้ว แม้จะมีเพียงแค่เสียงเดียวก็ตาม

ตั้งแต่ที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี รู้สึกสงสารประเทศไทย เพราะเอาคนไม่มีความรู้ความสามารถ หรือหลายคนบอกว่า "โง่" มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็บอกตลอดว่าจะต่อสู้กับนายทักษิณ ซึ่งเคยมีกิจกรรมร่วมกันอาจจะพอสู้ได้ แต่ นางสาวแพทองธาร เป็นเพียงแค่ลูกสาว ส่วนตัวมองว่ายังคงมีปัญหาในการบริหารประเทศหลายอย่างตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นนายก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหุ้นต่างๆ ท่านก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง เพราะถือเป็นลูกหลาน แต่เรื่องคลิปเสียงนี้ จะมองว่าเป็นเรื่องลูกหลานไม่ได้แล้ว เพราะเป็นเรื่องของประเทศชาติที่พวกเราจะต้องผนึกกำลัง เอารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีความสามารถออกไปให้ได้

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ แสดงความเห็นว่าการสนทนาระหว่าง นางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุนเซนนั้นเป็นคนละสถานะกัน เพราะสมเด็จฮุนเซนปกครองบริหารประเทศมาหลายปีแล้ว แต่ นางสาวแพทองธาร เพิ่งมาเป็นนายก คงสู้หรือรับมืออะไรไม่ได้ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ในอนาคตประเทศก็คงต่อสู้อะไรกับใครต่อไปไม่ได้

พร้อมเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลลาออก กลายเป็นว่าตอนนี้มีเพียงแค่พรรคภูมิใจไทยที่ชิงลาออก ซึ่งคงถือโอกาสตรงนี้สวมบทเป็นพระเอก ตนจะจับตาดูว่าพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ จะออกมาหรือไม่ เชื่อว่าพรรคที่เหลือคงไม่ลาออก เพราะดูแล้วเป็นการหวังผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประเทศ การที่ประชุมพรรคการเมืองต่างๆ เมื่อวานก็ไม่มีการประกาศจุดยืนออกมา จึงเชื่อได้ว่าไม่น่าจะมีการลาออก เพราะหวังว่าถ้าคะแนนเสียงน้อยลงแล้ว ก็คงหวังเก้าอี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายสนธิญาณ กล่าวว่า นางสาวแพทองธาร มีพฤติกรรมขายชาติ ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้สำเร็จลงแล้ว และพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมกับนายกรัฐมนตรีก็ถือว่ามีส่วนร่วมในการขายชาติด้วยเช่นกัน

นายสนธิญาณได้นำเสนอข้อเท็จจริงที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ หลังจากเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกัน ในวันที่ 6 มิถุนายน สภาความมั่นคงแห่งชาติได้มีการประชุมและมอบหมายให้กองทัพบกและกองทัพเรือไปดำเนินการปิดด่าน ซึ่งในวันที่ 7 มิถุนายน กองทัพบกและกองทัพเรือก็ได้ปิดด่านแล้ว ทำให้กัมพูชาโวยวายและประกาศจะตัดอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้า

ต่อมาในวันที่ 9 มิถุนายน กองทัพบกและกองทัพเรือได้เสนอเอกสารอย่างชัดเจนเข้าสู่ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อขออนุมัติการตัดอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าของกัมพูชา ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติมีกำหนดประชุมในวันที่ 16 มิถุนายน เพื่อตัดสินใจเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่าในวันที่ 15 มิถุนายน นางสาวแพทองธาร ได้โทรศัพท์พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน และแจ้งว่าจะยอมตามข้อเรียกร้องของกัมพูชา

หลังจากนั้นในวันที่ 16 มิถุนายน นายกรัฐมนตรีก็ได้ปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ให้คำมั่นไว้กับสมเด็จฮุนเซน โดยการยกเลิกการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ และไปจัดประชุมฝ่ายความมั่นคงขึ้นมาเอง ซึ่งไม่มีสถานะทางกฎหมาย หากในวันนั้นมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและมีมติให้ตัดอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้า กัมพูชาก็จะถูกตัดทันที

นอกจากนี้ นายสนธิญาณยังกล่าวถึงการที่นายกรัฐมนตรีไปประกาศจัดตั้งทีมไทยแลนด์ โดยมีรัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ซึ่งไม่มีสถานะรับรองทางกฎหมาย และรัฐมนตรีช่วยฯ ดังกล่าวซึ่งเป็นทหารของกองทัพบกในรัฐบาลนี้ ได้ประกาศว่าจะไม่ตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งสวนทางกับแนวทางของกองทัพบกและกองทัพเรือ

"นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ได้ปฏิบัติตามสิ่งที่รับปากกับฮุนเซนแล้ว ดังนั้นไม่ต้องไปตรวจสอบที่ช่องบก สิ่งที่ต้องทำคือสั่งให้ตัดน้ำ ตัดไฟ และให้สภาความมั่นคงแห่งชาติเขาได้ประชุมกัน โดยสิ่งที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ปฏิบัตินั้นเป็นพฤติกรรมที่ชัดเจนว่าขายชาติ" นายสนธิญาณกล่าวทิ้งท้าย

นพ.วรงค์ เชื่อว่าพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความไม่เหมาะสมในการบริหารประเทศได้ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นก่อน โดยเปรียบเทียบจากกรณีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยของรุ่นน้า(นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) มาจนถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีในปัจจุบันที่แสดงออกถึงการขายชาติ ซึ่งตนเองต้องการสื่อสารว่า แม้แต่ดินที่ยืนอยู่ก็ยังไม่เหมาะสม

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายกรัฐมนตรีเป็นสิ่งที่อยู่ในความรู้สึกนึกคิดของประชาชนมาโดยตลอด ประชาชนรับรู้ได้ว่านายกรัฐมนตรีขาดความรู้ความสามารถและสติปัญญาในการเป็นผู้นำประเทศ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ความจริงเหล่านี้ก็ได้ปรากฏออกมา

นพ.วรงค์ ชี้ถึงกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซน ที่ระบุว่า "แม่ทัพภาคที่ 2 คือฝ่ายตรงข้ามของเรา ถ้าสมเด็จฮุนเซนต้องการอะไรจะจัดการให้" ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่ดี และตั้งคำถามว่าพฤติกรรมเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่กับการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะแสดงให้เห็นถึงความไร้ความสามารถและจิตใจที่ไม่ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลังประชาชน

นพ.วรงค์ย้ำว่าการสนทนาทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุนเซนเป็นพฤติกรรมที่กระทำลับหลังประชาชน เมื่อพฤติกรรมลับหลังประชาชนเป็นเช่นนี้ ประชาชนจะสามารถไว้ใจนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร เพียงแค่นี้ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า "อุ๊งอิ๊งออกไป"

ตนเชื่อว่าในช่วง 1-2 วันนี้ นายกรัฐมนตรีกำลังพยายามแก้เกม โดยอ้างว่าสมเด็จฮุนเซนเป็นผู้จัดการ แต่ไม่มีผู้นำประเทศใดในโลกที่กล้ากล่าวโทษแม่ทัพที่กำลังต่อสู้เพื่อประเทศ บทความต่างประเทศก็ระบุชัดเจนว่าลักษณะการกระทำเช่นนี้ทำให้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถเป็นผู้นำได้แน่นอน พร้อมย้ำว่าความพยายามของรัฐบาลที่จะแก้เกม โดยระบุว่านายกรัฐมนตรีคือเหยื่อ ของสิ่งที่ถูกกระทำ ซึ่งเป็นการบิดเบือนความจริงต่อพี่น้องประชาชน

นพ.วรงค์ เน้นย้ำว่าอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะดีหรือไม่ดี เราก็ต้องจัดการกับนายกรัฐมนตรี แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเราต้องปกป้องอธิปไตยของชาติ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 800 กิโลเมตร ยังมีบางจุดที่เราต้องต่อสู้กับกัมพูชา การที่กัมพูชาระดมพลคนจำนวนมาก เป็นการแสดงแสนยานุภาพ ซึ่งเราประเทศไทยในฐานะประเทศยักษ์ใหญ่ของอาเซียน ไม่ใช่ประเทศเล็กๆ น้อยๆ ประเทศไทยเคยเป็นมหาอำนาจในอดีต ดังนั้น ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ตนจึงอยากเชิญชวนประชาชนออกมารวมตัวชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้กล่าวแถลงการณ์แสดงจุดยืนในการเข้าร่วมการรวมตัวในวันนี้อย่างไม่ลังเล โดยให้เหตุผลว่าระบบบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ไร้ซึ่งเสถียรภาพ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไร้ความสามารถ ไร้วุฒิภาวะ ไร้ประสบการณ์ และมี "ดีเอ็นเอโกง" เหมือนผู้เป็นพ่อ และยังมีคนที่โง่กว่าคือคนที่เดินตามหลังและรับใช้คนโง่ ท่านจึงขอขอบคุณสมเด็จฮุนเซนที่ปล่อยคลิปออกมา ทำให้คนไทยได้รักและสามัคคีกัน รวมถึงทำให้คนไทยได้เห็นธาตุแท้ของคนในตระกูลชินวัตร

นายประพันธ์ยังกล่าวต่อว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ แต่นายกรัฐมนตรีกลับไปเรียกลุงและบอกว่าจะจัดการให้ตามคำขอ ทั้งที่สมเด็จฮุนเซนต้องการพื้นที่และปราสาท แล้วนายกรัฐมนตรีจะไปจัดการให้อย่างไร ประเทศไทยไม่ใช่ของครอบครัวนายกรัฐมนตรี ท่านจึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและอย่าอยู่ในประเทศไทย และขออย่าบอกว่าให้คนไทยทะเลาะกัน เพราะตอนนี้คนไทยทุกคนรักกัน สามัคคีกัน ไม่ทะเลาะกัน แต่ทุกคนที่มารวมตัวกันในวันนี้พร้อมจะทะเลาะกับคนขายชาติ

เช่นเดียวกับอดีต สว. อีกคน นายสมชาย แสวงการ ที่ขึ้นกล่าวถึงการบริหารของรัฐบาลนางสาวแพทองธารที่ล้มเหลว จึงเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลควรแสดงท่าทีชัดเจนโดยการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เลิกเป็นวอลเปเปอร์ให้กับคนขายชาติ

ด้านนายพิชิต แกนนำคปท. ย้ำว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นฝั่งกัมพูชา วันที่ 28 มิ.ย.นี้ จึงขอเชิญชวนประชาชน และข้าราชการทุกหมู่เหล่า มาแสดงพลังเป็นฝ่ายประเทศไทย พร้อมเชิญชวน นำธงชาติมาโบกสะบัด ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

นายเจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ก่อร่างสร้างบ้านเมืองนี้มานับเป็นพันปีไม่เคยมีผู้นำคนไหนที่กลัวกัมพูชามากไปกว่านี้อีกแล้ว คำพูดของนายกรัฐมนตรีสื่อให้เห็นว่าไม่เคยคำนึงถึงประเทศจากคลิปสนทนา เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก่อนไล่เขมรคือไล่นายกก่อน ผมพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภา
จำนวนหนึ่งเดิมทีเขาบอกว่าบรรดาสมาชิกคนอื่นไม่ผิดอะไรอย่าทำร้ายสภา

แต่วันนี้พรรคประชาชนได้แถลงแล้วว่าจะให้ยุบสภา พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลนั่นแปลว่าถ้าสภาจะต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองนี้สภาต้องช่วยกันจัดการอย่างน้อย สส.หนึ่งใน10 สว. 1 ใน 10 ต้องไปยื่นว่าแพทองธาร ขาดคุณสมบัติขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงและต้องยื่นทุกสิ่งทุกอย่างที่ยื่นได้ พร้อมเสนอให้รัฐบาลรับผิดชอบโดยการยุบสภา

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สรุปการแถลงข่าววันนี้ได้ว่า จากคลิปเสียงและการปฎิบัติของนายกรัฐมนตรี ได้มีการกระทำการที่ขาดจริยธรรมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว สิ่งที่ปรากฏในคลิปเสียงที่เป็นเนื้อหานั้น แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรี เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติแน่นอน ดังนั้นหากใครยังสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคไหนก็ตามเข้าร่วม ก็ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติด้วย

จึงได้สรุปเป็นสาระแค่ 3 ข้อเท่านั้น
1. ประชาชนทั้งหมดที่มาร่วมในวันนี้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกทันที
2. เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกทันที
3. เรียนเชิญพี่น้องประชาชนทุกหมู่เราทุกสีเสื้อทุกอายุ ร่วมกันสำแดงพลัง ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย ยืนอยู่ข้างประเทศไทย ฝ่ายเดียวกัน ร่วมกันสามัคคีในการปกป้องแผ่นดิน ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 16.00 - 21.00 น. กำจัดอริราชศัตรูพร้อมเพียงกัน

นายปานเทพ ย้ำว่า ขอรวมพลังครั้งนี้เป็นพลังแห่งความสามัคคีในการปกป้องอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยและทวงคืนแผ่นดินไทยที่ถูกลุกลามมาทั้งหมดให้เป็นของราชอาณาจักรไทย