นพดล ยันนายกฯ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ ชี้ในคลิปไม่มีตอนไหนสมรู้กับกัมพูชา
นายนพดล ปัทมะ สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา
นายนพดล กล่าวว่า วันนี้ตนขอแถลงในฐานะ สส. พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งหมด 5 ประเด็น จากการที่สมเด็จฮุนเซนได้เผยแพร่คลิปการสนทนากับนายกรัฐมนตรี ดังนี้
ประเด็นแรก การนำคลิปสนทนาส่วนตัวมาเผยแพร่ฝ่ายเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่ทราบ ถือว่าเป็นการผิดมารยาททางการทูต และละเมิดแนวปฏิบัติทางการทูต การกระทำนี้เป็นการกระทำเพื่อวาระทางการเมืองส่วนตัวในประเทศ ซึ่งตนถือว่าเป็นการทำโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ และละเมิดความสุจริตใจและความจริงใจระหว่างกัน ซึ่งความจริงใจในทางการทูตถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงความสัมพันธ์ที่ดี
ในเวลานี้ เป็นเวลาที่คนไทยไม่ควรแตกแยก เพราะจะทำให้กัมพูชาสำเร็จตามเป้าประสงค์ที่วางไว้ ตนจึงอยากเรียกร้องให้คนไทยร่วมกันรักษาผลประโยชน์ของชาติ
ประเด็นที่ 2 จากการที่ได้ฟังคลิปเสียงทั้งหมด ตนมองว่านายกรัฐมนตรีได้พยายามปกป้องประโยชน์ของชาติ หากพิจารณาเนื้อหาในคลิปจะเห็นว่าทางฝ่ายกัมพูชาพยายามให้ไทยเป็นฝ่ายเปิดด่านก่อน แล้วฝ่ายกัมพูชาจะเปิดด่านตามมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำตามความต้องการของฝ่ายกัมพูชา
“นายกรัฐมนตรีไม่ได้เอาผลประโยชน์ของชาติไปมอบให้กัมพูชาตามที่ถูกกล่าวหา มิเช่นนั้น ท่านคงทำความต้องการของฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว โดยการสั่งให้มีการเปิดด่าน และจนถึงวันนี้ ประเทศไทยก็ยังไม่ได้เปิดด่านตามที่กัมพูชาต้องการ เพราะฉะนั้น การปกป้องผลประโยชน์ของชาติของนายกฯ แพทองธาร ต้องบันทึกไว้”
ประเด็นที่ 3 นายกฯ แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องการสันติภาพ ไม่ต้องการความขัดแย้ง ไม่ต้องการสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีแห่งการสร้างสันติภาพ ไม่ใช่การสร้างภาพ จากในคลิป จะเห็นว่าท่านมีความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะป้องกันไม่ให้มีการยกระดับความขัดแย้งไปสู่การปะทะทางทหารและสงครามระหว่างเพื่อนบ้าน ซึ่งตนชื่นชมบทบาทของนายกรัฐมนตรีที่พยายามหาทางแก้ไขปัญหาที่จะ Win-Win กันทั้ง 2 ฝ่าย พยายามทำให้กลับไปมีสันติภาพดังเดิมก่อนที่จะมีความขัดแย้ง แม้ว่าจะมีราคาที่ต้องจ่าย จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ตาม แต่ท่านก็มุ่งมั่นไม่ให้ปัญหามันลุกลามไปสู่ความขัดแย้งในภูมิภาค เพราะประเทศไทยต้องรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียนด้วย

ประเด็นที่ 4 ในคลิปเสียง อาจมีการพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 คือ แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งตนในฐานะ สส. ของพรรค ต้องกราบขออภัยผู้ที่ถูกพาดพิง แต่ตน เชื่อโดยสุจริตใจว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้มีเจตนาตามที่ถูกตีความในข่าว และท่านก็ได้แสดงสปิริตด้วยการโทรศัพท์ไปพูดคุย ขอโทษแม่ทัพภาคที่ 2 รวมถึงการแถลงข่าวขอโทษกับคนไทยในวันนี้ด้วย
ชมคลิป : ในคลิปไม่มีตอนไหนสมรู้กับกัมพูชา "นพดล" ยัน "นายกฯ" ทำเพื่อผลประโยชน์ชาติ | Reels | ข่าวช่อง8
“ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย และในฐานะคนที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผมมั่นใจว่าคำแถลงของท่านนายกฯ และการทำงานของรัฐบาลกับกองทัพ ยังมีความเป็นปึกแผ่น มีความเป็นเอกภาพ และมุ่งมั่นที่จะปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศไทยต่อไป”
ประเด็นที่ 5 พรรคเพื่อไทย อยากสื่อสารไปยังประชาชนว่า พรรคเพื่อไทยจะชี้แจงกับประชาชน และทำงานหนักขึ้น ขอให้ความมั่นใจว่าเราจะปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทยอย่างสุดความสามารถ โดยจะทำงานร่วมกับกองทัพอย่างมีเอกภาพ เพื่อปกป้องดินแดนเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างเต็มที่ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสที่มีการกดดันให้นายกรัฐมนตรียุบสภา หรือลาออก นายนพดล ระบุว่า ในฐานะที่เป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง และเป็นพรรคที่ทำงานในระบอบประชาธิปไตย ตนคิดว่า นักการเมืองต้องรับฟังความเห็นของประชาชน และนำไปปรับปรุงแก้ไข
“แต่สิ่งที่ผมอยากให้ความมั่นใจกับประชาชนคือ ไม่มีตอนใดเลย ที่นายกฯ แพทองธาร ไปสมรู้กับเขมร หรือไปยกประโยชน์ของไทยให้กับกัมพูชา ไม่ได้เอาประโยชน์ของตระกูลชินกับตระกูลฮุนมาเหนือประโยชน์ของไทยและกัมพูชา อันนี้เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และต้องให้เครดิตท่านนายกฯ และท่านได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการขออภัยแม่ทัพภาคที่ 2 และขออภัยคนไทย และให้ความมั่นใจว่าท่านจะระมัดระวัง จะไม่สนทนาทางโทรศัพท์อีกแล้ว ผมคิดว่า เราต้องให้โอกาสท่าน ในการพิสูจน์ตัวเอง หากนายกฯ แพทองธารไม่รักษาผลประโยชน์ของชาติ จึงควรจะพิจารณาเรื่องนี้”
เมื่อถามว่า เหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนมองว่าไม่สามารถไว้ใจนายกรัฐมนตรีได้ จะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้อย่างไร นายนพดล กล่าวว่า การเรียกความเชื่อมั่น ต้องเรียกจากการกระทำและความมุ่งมั่นในการทำผลงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่จากการแถลงการณ์ไม่กี่ครั้ง ซึ่งตนมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีได้ทำงานเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและแก้ไขปรับปรุงได้ ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์หากในอนาคตมีเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจ กลไกของสภาก็มีการอภิปรายอยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้ต้องให้เวลาและให้โอกาสนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าคำพูดในคลิปเสียง อาจมีบางถ้อยคำที่ทำให้คนไทยฟังแล้วไม่สบายใจ แต่อยากให้ดูภาพรวมของคลิปที่เป็นความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดสงคราม
ส่วนการที่ใช้คำว่าฝ่ายตรงข้าม หากตีความไปไกลอาจจะดูเหมือนมีความขัดแย้ง แต่ภาพการประชุมร่วมกันเมื่อเช้านี้ก็ชัดเจนแล้วว่ามีความเป็นเอกภาพ ดังนั้น การใช้คำนี้ ตนคงไม่ไปเดาว่านายกรัฐมนตรีต้องการจะสื่ออะไร แต่มั่นใจว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่แม่ทัพภาคที่ 2 หรือเห็นว่ากองทัพเป็นฝ่ายตรงข้าม
เมื่อถามถึงประเด็นที่มีการเรียกร้องไปถึงให้มีการรัฐประหาร นายนพดล บอกว่า อาจมีเพียงส่วนน้อยใน 65 ล้านคนที่เรียกร้องแบบนั้น แต่ตนมั่นใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ รักประชาธิปไตย และเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญสามารถทำได้หลายแบบ ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง รัฐบาลเองก็ต้องพิสูจน์ตัวเองมากขึ้น
สำหรับเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน หลังจากนี้ มองว่านายกรัฐมนตรีมีวุฒิภาวะ และความเป็นผู้นำอยู่แล้ว ตนไม่สามารถก้าวล่วงตรงนี้ได้ ส่วนจะมีคลิปเสียงอื่นออกมาอีกหรือไหม คาดว่าไม่น่าจะมี
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในฐานะที่นายนพดลเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีเคยปรึกษาอะไรหรือไม่เกี่ยวกับปัญหาชายแดน นายนพดล บอกว่า ท่านหารือกับรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ตนเป็นแค่ สส. และอดีตรัฐมนตรีเท่านั้น
เมื่อถามว่าการที่ขอโอกาสให้นายกรัฐมนตรีได้ทำผลงาน จะเน้นไปในเรื่องไหน นายนพดล ตอบว่า อย่างน้อยก็คงเป็นเรื่องปัญหาข้อพิพาทชายแดนในตอนนี้ รวมถึงเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดูแลปัญหายาเสพติด ไทยและกัมพูชายังมีเรื่องที่ต้องร่วมมือกันอีกเยอะ เพียงแต่ตอนนี้อาจจะสะดุด ส่วนจะใช้ระยะเวลาเท่าไรนั้น ตนก็หวังว่าจะจบในเร็ววัน เพราะความสัมพันธ์ที่ดีจะส่งผลประโยชน์ให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ หากไม่มีสงคราม ก็จะมีประโยชน์ต่ออาเซียนด้วย