กลุ่มผู้ชุมนุมคปท. และกองทัพธรรม เคลื่อนมวลชน ไปที่หน้ากระทรวงต่างประเทศ เพื่อเรียกร้องให้ทางการไทย แสดงจุดยืนที่ชัดเจน ในการแก้ไขปัญหาที่ชายแดนไทย กับกัมพูชา โดยมีตัวแทนของกระทรวงออกมารับหนังสือ ยืนยันจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
วันที่ 9 มิ.ย. เวลา 10.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือคปท. และกองทัพธรรม ได้เคลื่อนขบวนมวลชน มาที่หน้ากระทรวงต่างประเทศ เพื่อแสดงพลังปกป้องอธิปไตยของชาติไทย และจะยื่นหนังสือเรียกร้องให้ทางการไทยได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจน ในการแก้ไขปัญหาที่ชายแดนไทย กับกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน โดยเฉพาะการประกาศให้ชาวโลกได้รับทราบว่า พื้นที่ไหนบ้างที่เป็นของประเทศไทย
โดยเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมมาถึง แกนนำของกองทัพธรรม ได้ปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียง โจมตีการทำงานของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่เหมือนกับจะไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง มีความล่าช้า ที่ไม่เรียกท่านทูตของกัมพูชามาตักเตือน เรื่องการรุกล้ำเขตแดนของไทยมากว่า 200 เมตร
โดยมีใจความว่าหากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทำอะไรเลย ก็เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการมาวันนี้ เป็นเหมือนการมากระตุ้นกระทรวงการต่างประเทศ ให้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม นั่นก็คือการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย
ด้านนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายคปท. กล่าวว่า วันนี้คปท.มาเพื่อสื่อสารไปยัง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับตั้งคำถามแทนประชาชน ว่าตัวท่านรัฐมนตรี ได้ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนแล้วหรือยัง หรือทำหน้าที่แค่ไปเป็นพยานให้นายทักษิณ ออกไปนอกประเทศเท่านั้น
ทราบมาว่าก่อนหน้านี้ ทางกองกำลังสุรนารี ของกองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งจดหมายประท้วงไปยังกัมพูชา มากกว่า 400 ครั้ง เนื่องจากถูกฝั่งกัมพูชา ทำการรุกล้ำชายแดนมาโดยตลอด
เมื่อกองกำลังสุรนารี เรียกร้องและมีการประท้วงกัมพูชา มากมายขนาดนี้ แต่กระทรวงการต่างประเทศ มัวแต่ทำอะไรอยู่
และเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทหารกัมพูชา ได้ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชา ที่บนประสาทตาเมือนธม ซึ่งทางการไทย ก็มัวแต่ไปหลงกล กับความสนิทสนมส่วนตัว ระหว่างนายทักษิณ และสมเด็จฮุนเซน จนไม่กล้าทำอะไรเลย ซึ่งเหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องแสดงออกว่าเราเป็นเจ้าของพื้นที่
จะต้องเชิญท่านทูตกัมพูชามาตักเตือน แต่ทางการไทย ไม่ทำอะไรเลย รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ก็ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้กองกำลังทหาร ทำหน้าที่ปกป้องประเทศอยู่ฝ่ายเดียว เพราะะนั้นทุกอย่างมันจึงเข้าทางกัมพูชา อย่างที่เห็นในตอนนี้
และตอนนี้ถึงแม้ทหารกัมพูชาจะถอนกำลังออกจากออกจากดินแดนไทย ไปตั้งอยู่เดิมเมื่อปี 67 แล้ว แต่มันการถอยตามหลักการ แต่เนื้อหาจริงๆแล้ว ทางฝั่งของกัมพูชา เขายังอยากได้พื้นที่ 4 จุดของไทย คือ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย
ตอนนี้เราเหมือนเป็นเบี้ยล่างของกัมพูชา ไม่เห็นนักการเมือง หรือคนในครม. ออกมาแสดงความเป็นอธิปไตยของไทยเลยแม้แต่คนเดียว วันนี้กระทรวงการต่างประเทศ ถือเป็นเจ้าภาพหลัก ที่จะต้องกล้ายืนยันต่อชาวโลก ว่าบริเวณตรงนั้น เป็นอธิปไตยของไทย
และก่อนถึงวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ที่จะมีการประชุม JBC ระหว่างไทยกับกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องประกาศให้ชัดเจน ว่าบริเวณที่กัมพูชาลุกร้ำเข้ามานั้น เป็นพื้นที่ของประเทศไทย การเจรจาจะต้องเริ่มด้วยการที่บอกว่า มันคือพื้นที่ของไทยเรา กัมพูชาต้องออกไป และต้องไม่เอาเรื่องความสัมพัน ระหว่างนายทักษิณ กับสมเด็จฮุนเซนมาเกี่ยวข้อง
หลังจากนั้นบรรยากาศหน้ากระทรวงการต่างประเทศค่อนข้างตึงเครียด เพราะทางฝ่ายแกนนำของคปท. รู้สึกไม่เป็นธรรมที่ทางกระทรวงการต่างประเทศ ให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ออกมารับหนังสือ หลังจากนั้นทางตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศ จึงตกลงว่าจะนำบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้ออกมารับหนังสือ ผ่านไปประมาณ 20 นาที มีนายธนพ ปัญญาพัฒนากุล ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ออกมารับหนังสือ แล้วยืนยันว่า จะนำเรื่อง และนำความกังวลของประชาชน ส่งต่อไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินการในส่วนที่ทำได้ อย่างเร่งด่วน
ด้านการรักษาความปลอดภัย วันนี้มีตำรวจควบคุมฝูงชน จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจจากสน.พญาไท จำนวน 50 นายประจำการอยู่ประตูหน้ากระทรวงการต่างประเทศ โดยภาพรวมในวันนี้ ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น
ขณะเดียวกันในวันนี้ กระทรวงการต่างประเทศ จะมีการแถลงสถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ในช่วงเวลา 14.30 น.